REPTALES
เรื่องราวสัตว์จาก ReptTown
ปลาก็ใช้เครื่องมือได้ !

ปลาก็ใช้เครื่องมือได้ !

เรื่องน่ารู้ของความฉลาดของหมู่มวลมัจฉา โลกนี้การใช้เครื่องมือนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้สัตว์มีความก้าวหน้า ช้างใช้ต้นไม้ช่วยเกาหลังในจุดงวงเอื้อมไม่ถึง ลิงอุรังอุตังสามารถทำรังนอนบนต้นไม้ด้วยการสานใบไม้เป็นเปลนอน อีกาใช้หินถ่วงให้น้ำเพิ่มระดับเพื่อเอาอาหารออกจากขวดแคบๆ หรือแม้แต่มนุษย์เราที่ใช้เครื่องมือต่างๆอำนวยความสะดวก เห็นได้ชัดว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกับนกมีความสามารถในการใช้เครื่องมือได้ แล้วมองมาที่บรรพบุรุษอย่างปลากันบ้าง พวกนี้มีการใช้เครื่องมือหรือไม่ ? • คำตอบคือ ปลาก็เป็นพวกใช้เครื่องมือเหมือนกัน ! ฟังดูแปลกๆ แต่ปลาบางพวกเองก็รู้จักการใช้สิ่งรอบตัวเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกด้วย ซึ่งส่วนมากพฤติกรรมใช้เครื่องมือของปลาจะเป็นเพื่อการล่าและกินอาหารกับสร้างอาณาเขตมากกว่าจะใช้เพื่อความสะดวกสบาย แม้สมองของปลาอาจจะดูไม่ก้าวหน้าเท่าสัตว์มีกระดูกสันหลังบนบกก็ตาม แต่พวกมันเน้นการเอาตัวรอด อย่างปลาแก้วกู่ (Blackspot tuskfish - 𝘊𝘩𝘰𝘦𝘳𝘰𝘥𝘰𝘯 𝘴𝘤𝘩𝘰𝘦𝘯𝘭𝘦𝘪𝘯𝘪𝘪) ตัวในภาพประกอบบทความนี้ กำลังคาบหอยเอาไว้ในปากแล้วไปโขกกับก้อนหินตรงหน้าเพื่อเปิดหอยออก • เคยมีรายงานชุดนึงกล่าวว่า ปลากระเบนน้ำจืดจำพวกโมโตโร่ (Motoro stingray) จากลุ่มแม่น้ำแอมะซอนในอเมริกาใต้ ก็ใช้น้ำรอบตัวเป็นเครื่องมือในการหาอาหาร ด้วยการควบคุมการขยับของร่างกายทั้งลำตัว เพื่อเป็นการควบคุมการไหลของน้ำเพื่อสกัดให้แพลงตอนและพืชเล็กๆบางส่วนไหลเข้าปากของปลากระเบนได้โดยไม่ต้องว่ายออกแรงด้วย • ปลาสลิดหินบางชนิดก็ยังใช้ทรายและกรวดหินเป็นเครื่องมือในการทำรังของตัวเองด้วย พ่อแม่ปลาจะทำการเอาทรายและหินกรวยมารวมกันด้วยการคาบเอาไว้ในปากก่อนจะพ่นออกมาทำเป็นรังวางไข่ หรือปลาหมอสีในอเมริกาใต้ก็ใช้ใบไม้แห้งในการทำรังด้วยเช่นกัน โดยเลือกใบไม้ที่มีการงอตัวได้ดีไม่แตกหรือขาดง่ายมาทำคลุมไข่เอาไว้ • จะเห็นได้ชัดว่า ปลาเองก็เป็นสัตว์ที่ใช้เครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาในการเอาชีวิตรอดได้ เพื่อให้ได้อาหาร และการปกป้องเผ่าพันธุ์ตัวเองให้มีโอกาสรอดจนเติบโตได้ PIC CR. SCOTT GARDNERReferenceBernardi, G. (2011). "The use of tools by wrasses (Labridae)".Bourton, J. (January 13, 2010). "Clever stingray fish use tools to solve problems".Keenleyside, M.H.A., (1979). Diversity and Adaptation in Fish Behaviour, Springer-Verlag, Berlin.Keenleyside, M.H.A.; Prince, C. (1976). "Spawning-site selection in relation to parental care of eggs in Aequidens paraguayensis (Pisces: Cichlidae)". Canadian Journal of Zoology.
ความรู้รอบโลก

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 02 เม.ย. 25

อ่าน 0 ครั้ง


ปริศนาปลายจมูกของ "Rhinoceros ratsnake"

ปริศนาปลายจมูกของ "Rhinoceros ratsnake"

ถือเป็นงูที่แปลกและไม่เหมือนใคร สำหรับเจ้างูจมูกยาวเวียดนามหรือเจ้าไรโน่ (Rhinoceros ratsnake - 𝘎𝘰𝘯𝘺𝘰𝘴𝘰𝘮𝘢 𝘣𝘰𝘶𝘭𝘦𝘯𝘨𝘦𝘳𝘪) งูต้นไม้ไม่มีพิษญาติสนิทของงูเขียวกาบหมากขนาดยาว 1-1.6 เมตรจากป่าฝนเขตร้อนระดับความสูง 300-1,100 เมตรจากระดับน้ำทะเลของจีนตอนใต้และเวียดนาม เป็นงูที่มีเอกลักษณ์หน้าตาที่เด่นคือ ปลายปากที่ยื่นไปข้างหน้าเหมือนนอแรด ที่หลายคนสงสัยกันว่า มันมีไว้เพื่ออะไร ต่อจากนี้เป็นการสันนิษฐานคร่าวๆจากทั้งงานวิจัยของนักชีววิทยาและก็จากที่ลองสังเกตโดยตัวบิวคุงเองนะครับ 1.ใช้ดึงดูดเพศ - นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแบงกอร์ ไอร์แลนด์เหนือที่ศึกษาวิจัยการแสดงท่าทางของงูต่อพวกเดียวกัน เขาพบว่า เจ้าไรโน่บางตัวแสดงพฤติกรรมดึงดูดคู่ โดยตัวผู้จะใช้ส่วนยื่นนี้เพื่อในการดึงดูดงูตัวเมียช่วงฤดูผสมพันธุ์2.ใช้กันตัวผู้ตัวอื่นๆ - เป็นข้อสันนิษฐานจากนักวิจัยที่แบงกอร์เช่นเคย ว่ากันว่า ส่วนยื่นตรงปลายปากมีไว้เพื่อใช้กันตัวผู้ตัวอื่นที่จะเข้ามาผสมพันธุ์กับคู่ตัวเมียบนต้นไม้ 3.ใช้เพื่อเก็บน้ำค้าง - อันนี้เป็นอันที่บิวคุงคิดขึ้นมาว่า หรือเจ้าไรโน่จะได้รับน้ำค้างตอนเช้าขณะที่ใช้ส่วนยื่นปลายปากเป็นเหมือนตัวรับน้ำมากินเหมือนงูทะเลทรายบางชนิดที่มีเกล็ดเป็นสันที่นอกจากเพิ่มพื้นที่ผิวกระจายรับความร้อนยังกักเก็บน้ำบนช่องว่างลำตัวได้4.ใช้ล่อเหยื่อ - บางครั้งไอ้ส่วนปลายนี้ก็มีไว้เพื่อหลอกล่อเหยื่อบางชนิดที่คิดว่าส่วนปลายนี้เหมือนกับใบไม้อ่อนที่ค่อยผลิใบหรือหน้าตาเหมือนส่วนหนอนทั้งลำตัว ล่อให้นก สัตว์ฟันแทะ หนู และกิ้งก่าขนาดเล็กเข้ามาใกล้แล้วตะครุบด้วยฟันคมกริบ PIC CR. Rob Cadd Reference"Crowdsourcing snake identification with online communities of professional herpetologists and avocational snake enthusiasts"https://royalsocietypublishing.org/doi/10.1098/rsos.201273RHINOCEROS RATSNAKE by Animaliahttps://animalia.bio/rhinoceros-ratsnakeRhinoceros Rat Snake by Repti Chiphttps://reptichip.com/blogs/animals/rhinoceros-rat-snake

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 18 มี.ค. 25

อ่าน 2 ครั้ง


ปลาฉลามกรีนแลนด์ ผู้ไม่มีวันเป็นมะเร็งและอายุยืน 400 ปี !

ปลาฉลามกรีนแลนด์ ผู้ไม่มีวันเป็นมะเร็งและอายุยืน 400 ปี !

มะเร็งคือหนึ่งในโรคที่เกิดขึ้นในสัตว์หลายจำพวก สัตว์บางชนิดวิวัฒนาการเพื่อหลีกเลี่ยงการป่วยเป็นโรคลักษณะนี้ผ่านการผ่าเหล่า ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกระดูกคอชิ้นที่ 8-9 ของตัวสล็อธ การลดชิ้นกระดูกคอของตัวแมนาที หรือเป็นระบบภูมิคุ้มกันผิวหนังของตุ่นหนูไร้ขนที่มนุษย์สนใจอยู่ และปลาฉลามกรีนแลนด์ (Greenland shark - 𝘚𝘰𝘮𝘯𝘪𝘰𝘴𝘶𝘴 𝘮𝘪𝘤𝘳𝘰𝘤𝘦𝘱𝘩𝘢𝘭𝘶𝘴) หรือปลาฉลามขี้เซาขั้วโลกเหนือ ผู้อายุยืนที่สุดในบรรดาสัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งปวง ก็ยังมีวิธีต้านมะเร็ง ! • ปลาฉลามกรีนแลนด์ถือเป็นสัตว์ที่พิสดารมาก พวกมันดำรงชีวิตอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งของแดนขั้วโลกใต้ เป็นทั้งนักล่าและสัตว์กินซาก ตั้งแต่แมวน้ำ ซากวาฬ ยันหมีขั้วโลกที่ไม่ทันระวังตัวเวลาดำน้ำอยู่แล้วโดนลอบกัด ปลาฉลามชนิดนี้ยังมีปรสิตจำพวกโคพีพอดเกาะที่ดวงตาทั้งสองข้างด้วย อีกทั้งเนื้อของพวกมันยังมีพิษอีกต่างหาก • ความลับของการมีอายุยืนและการปราศจากมะเร็งได้ ถือเป็นคุณสมบัติที่ปลาฉลามกรีนแลนด์ทำได้จากการวิวัฒนาการมาเพื่ออยู่ในทะเลที่หนาวเย็นของแดนขั้วโลกเหนือ นักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นได้ศึกษาดีเอ็นเอของปลาฉลามกรีนแลนด์ก็พบว่า ในยีนของปลาฉลามกรีนแลนด์มีภูมิต้านทานร่างกายและการควบคุมเซลล์ที่ลดการอักเสบได้• ในทางทฤษฎี เมื่อสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆใช้พลังงานและตอบสนองในการกระทำ ร่างกายจะเกิดการภาวะอักเสบของร่างกายที่มีผลให้เซลล์เกิดการซ่อมแซมฟื้นฟูร่างกายเสมอ จนบางครั้งก็ผลิตเซลล์มะเร็งออกมาทำให้สภาวะร่างกายเสื่อมถอยลง ในกรณีของปลาฉลามกรีนแลนด์ ดูเหมือนร่างกายที่เชื่องช้าและอยู่ในน้ำที่เย็นจัดนี้ ร่างกายเหมือนมีการฟื้นฟูส่วนที่สึกกร่อนเสมอตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติการฟื้นฟูร่างกายของปลาฉลามนั้นน่าทึ่ง แต่ปลาฉลามกรีนแลนด์ทึ่งกว่า ที่อายุยืนไกลถึง 400 ปีขึ้น !• แม้มนุษย์จะไม่สามารถอายุยืนเทียบเท่าปลาฉลามกรีนแลนด์ แต่นักวิจัยบางส่วนก็พยายามศึกษาการรักษาสุขภาพและการยืดอายุของเผ่าพันธุ์จากความสามารถของสัตว์และพืชต่างๆรอบตัวเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตบนโลกที่มีแต่การเปลี่ยนแปลงนี้ต่อไป ReferenceGreenland Sharks Can Live for 400 Years. Scientists Are Using DNA to Unravel Their Longevity Secretshttps://www.smithsonianmag.com/.../greenland-sharks-can.../

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 11 มี.ค. 25

อ่าน 0 ครั้ง


"แมวดาว" "เสือปลา" ต่างกันอย่างไร ?

"แมวดาว" "เสือปลา" ต่างกันอย่างไร ?

เนื่องด้วยแอดบิวเล็งเห็นปัญหาของสมาชิกกลุ่มในการจำแนกสัตว์ตระกูลแมวที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกโซเชี่ยลนั้นก็คือ "แมวดาว" กับ "เสือปลา" นั่นเอง ซึ่งหลายคนที่ส่งรูปเข้ามาในกลุ่มนี่ตัวอะไรทั้งหมดมักเป็นแมวดาวครับ แล้วน้องต่างกันอย่างไร มาดูความแตกต่างกันแบบคร่าวๆครับ แมวดาว (Mainland leopard cat - 𝘗𝘳𝘪𝘰𝘯𝘢𝘪𝘭𝘶𝘳𝘶𝘴 𝘣𝘦𝘯𝘨𝘢𝘭𝘦𝘯𝘴𝘪𝘴)- แมวดาวเป็นแมวป่าขนาดเล็กที่ยังไม่ถึงกับเล็กสุดในไทย เล็กที่สุดในไทยยกให้กับแมวป่าหัวแบน (Flat-headed cat) ที่เป็นญาติสนิทกับแมวดาวและเสือปลาแต่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว - แมวดาวมีลำตัวแต้มสีดำเป็นจุดเด่นตามชื่อของมัน ขนตามลำตัวสีออกน้ำตาลเหลือง ขนท้องสีขาวเด่นชัดมาก- แมวดาวมีเส้นลายบนใบหน้ากลางหน้าผากเว้าเล็กน้อย รูปทรงจึงเหมือนกับนาฬิกาทรายและแจกันนั่นเอง ทั้งยังมีแต้มสีขาวตรงขอบลายชัดเจนมาก- แมวดาวนั้นสามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทย ทั้งยังเป็นแมวป่าที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนจนเสียชีวิตบ่อย และมักเจอลูกแมวดาวกำพร้าตามสวนและพื้นที่เผาไหม้- แมวดาวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 เสือปลา (Fishing cat - 𝘗𝘳𝘪𝘰𝘯𝘢𝘪𝘭𝘶𝘳𝘶𝘴 𝘷𝘪𝘷𝘦𝘳𝘳𝘪𝘯𝘶𝘴) - เสือปลาเป็นแมวป่าขนาดกลางที่ตัวใหญ่กว่าแมวดาวอย่างเห็นได้ชัด - เสือปลามีลำตัวสีเทา และลายแต้มเป็นสีเหมือนคราบสนิมหรือสีน้ำตาลชัดกว่าแมวดาวที่เป็นจุดสีดำ ขนท้องก็สีเทาเหมือนกับสีลำตัว - เสือปลามีเส้นลายบนใบหน้ากลางหน้าผากเป็นรูปทรงกระบอกน้ำกว้างไม่เว้าแบบแมวดาว ทั้งแต้มสีขาวบนใบหน้าก็ไม่เด่นเท่าแมวดาว - เสือปลาอาศัยอยู่ตามพื้นที่หนองน้ำและที่ชุ่มน้ำเป็นหลัก และยังเป็นหนึ่งในแมวป่าที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งแล้ว เหลือในพื้นที่อนุรักษ์ไม่ถึง 6 แห่งในปัจจุบัน จึงมีโอกาสยากที่จะเจอมากกว่าแมวดาวนั่นเอง ประชากรมากสุดคือ พื้นที่ชุ่มน้ำสามร้อยยอด อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเสือปลาในพื้นที่อนุรักษ์นี้ทั้งหมด 67 ตัวเท่านั้น- เสือปลาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562แหล่งข้อมูลอ้างอิง แมวดาว https://www.britannica.com/animal/leopard-cathttps://wildcatconservation.org/wild-cats/asia/leopard-cat/https://animalia.bio/leopard-cathttps://wildcatsmagazine.nl/.../asian-leopard-cat.../ เสือปลา https://wildcatconservation.org/wild-cats/asia/fishing-cat/https://nationalzoo.si.edu/animals/fishing-cathttps://www.seub.or.th/bloging/knowledge/2023-178/https://www.seub.or.th/bloging/knowledge/2023-65/

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 22 ก.พ. 25

อ่าน 37 ครั้ง


"ปลาแองเกลอร์" ผู้เกลียดแสงอาทิตย์ เรื่องน่าสนใจของปลาตกเบ็ดใต้ทะเลลึก

"ปลาแองเกลอร์" ผู้เกลียดแสงอาทิตย์ เรื่องน่าสนใจของปลาตกเบ็ดใต้ทะเลลึก

แอดบิวนั่งเกาหัวให้กับตรรกะทุ่งลาเวนเดอร์ที่บอกว่า ปลาแองเกลอร์ว่ายขึ้นมาเพื่ออยากเห็นแสงอาทิตย์ก่อนตายสักครั้งในชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างโรแมนซ์ต่อชีวิตสัตว์โลกมากเกินไป การที่ปลาใต้ทะเลลึกจากโซนทไวไลท์ (ไม่ใช่แวมไพร์ทไวไลท์ซาก้านะ) ขึ้นมาเหนือน้ำบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย ร่างกายมีปัญหา หรือตกใจบางอย่างจากเบื้องล่างที่มาจากธรณีภาค และวันนี้แอดบิวจะพาสำรวจเรื่องเพี้ยนเรื่องแปลกของปลาแองเกลอร์กัน1.ข้าไม่ชอบแสง มันจ้า มันร้อน ! : ไหนใครฮัมเสียงพี่ชาคริตกับประโยคตะกี้บ้าง ปลาแองเกลอร์เป็นปลาทะเลลึกที่อยู่ในความลึกประมาณ 200-1,000 เมตร ซึ่งพวกนี้จะใช้ชีวิตหลีกเลี่ยงจากแสงแดดหรือแสงยูวีทั้งสิ้น อันเนื่องด้วยผิวของปลาเหล่านี้บอบบางมากเมื่ออยู่ในทะเลลึกที่ความดันสูงกว่าโซนผิวน้ำ ทำให้พื้นที่ผิวหนังเสื่อมทันทีเมื่อว่ายขึ้นมาเหนือน้ำว่ากันว่า แค่สวมถุงมือสัมผัสปลาแองเกอลร์ก็อาจทำให้ผิวหนังติดมือมาเลย หรือแค่กระแทกกับตู้กระจกก็อาจทำให้มันตายได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยเห็นปลาแองเกลอร์ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในสภาพตัวเป็นๆ แต่เรามักเจอในสภาพของตัวดองในโหลมากกว่านั่นเอง ดังนั้นการที่ปลาแองเกลอร์ว่ายขึ้นมาเหนือน้ำถือว่าผิดปกติมาก2.คันเบ็ดเรืองแสง : ปลาแองเกลอร์ส่วนใหญ่จะมีอวัยวะที่เหมือนเสาอากาศเหนือหัวที่สามารถขยับไปมาหน้าหลังได้ เรียกว่า "เอสก้า" (Esca) โดยมันสามารถเรืองแสงได้จากการที่มีแบคทีเรียเรืองแสงมาช่วยให้เจ้าปลาแองเกลอร์สามารถล่าเหยื่อใต้น้ำที่มืดมิดได้นอกจากนี้แล้ว มันยังมีเอาไว้เรียกหาตัวผู้ให้เข้ามาใกล้เพื่อผสมพันธุ์กับตัวเมียด้วย อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปลาแองเกลอร์ตัวเมียนั้นตัวใหญ่กว่าตัวผู้เกือบ 40 เท่า และเมื่อตัวผู้เจอตัวเมีย มันจะทำการเข้าประสานร่างรวมกับตัวเมียทันทีจนค่อยๆดูดกลืนเป็นส่วนหนึ่งของตัวเมียไป3.อยู่บนโลกมานาน : ปลาแองเกลอร์อยู่บนโลกนี้ตั้งแต่ช่วง 130 ล้านปีก่อนจนถึงยุคปัจจุบัน เท่ากับว่าเจ้าปลาจำพวกนี้ผ่านช่วงเวลาที่ทีเร็กซ์จัดมวยปล้ำประเคนศึกตัวต่อตัวกับเอ็ดมอนโตซอรัส (𝘌𝘥𝘮𝘰𝘯𝘵𝘰𝘴𝘢𝘶𝘳𝘶𝘴) และผ่านช่วงที่มนุษย์ค้นพบการคุมไฟครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งพวกมันก็เป็นปลาน้ำลึกมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ในปัจจุบัน ปลาแองเกลอร์มีภัยคุกคามน้อยมาก แต่ญาติของมันบางชนิดอย่าง Monkfish (𝘓𝘰𝘱𝘩𝘪𝘶𝘴 𝘴𝘱.) ที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารอันแสนแพงในประเทศแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะในเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่น ตับปลาญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง อังกิโมะ (鮟肝) ก็เป็นของตับปลา Monkfish นั่นเองReferenceAnglerfish Facts / National Geographichttps://www.nationalgeographic.com/.../fish/facts/anglerfishDeep-sea anglerfish / Monterey bay aquariumhttps://www.montereybayaquarium.org/.../deep-sea-anglerfishCREATURE FEATURE : Anglerfish / Ocean Twilight Zonehttps://twilightzone.whoi.edu/.../creature.../anglerfish/"Evolutionary history of anglerfishes (Teleostei: Lophiiformes): a mitogenomic perspective"https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC2836326/

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 18 ก.พ. 25

อ่าน 1 ครั้ง


นิวต์หางดาบ สัตว์ผู้โดนปลานิลรุกราน

นิวต์หางดาบ สัตว์ผู้โดนปลานิลรุกราน

สัตว์พื้นถิ่นแห่งกึ่งเขตร้อนโอกินาว่าและอามามิ ประเทศญี่ปุ่นอย่างเจ้านิ้วท์หางดาบหรือนิ้วท์โอกินาว่า (Sword-tail newt, Okinawa newt - 𝘊𝘺𝘯𝘰𝘱𝘴 𝘦𝘯𝘴𝘪𝘤𝘢𝘶𝘥𝘢 𝘱𝘰𝘱𝘦𝘪) กำลังเสี่ยงต่อการใกล้สูญพันธุ์ในอนาคต เนื่องด้วยเจ้าสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกถิ่นเดียวนี้โดนปลานิลจากแอฟริกาที่นำเข้ามาเพาะเลี้ยงเป็นแหล่งอาหารคุกคามแหล่งน้ำที่ใช้เติบโตและประชากรลดลงแล้วในปัจจุบันนิ้วท์ชนิดนี้ได้ชื่อมาจากลักษณะของหางใบพายที่เหมือนกับดาบ ตัวยาว 10-14 เซนติเมตรโดยประมาณ ซึ่งหางนี้ใช้สำหรับแยกเพศของตัวผู้และตัวเมียได้ โดยตัวเมียนั้นจะมีหางยาวกว่าตัวผู้เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหางใบพายนั้นมีประโยชน์ช่วยในการว่ายน้ำ ซึ่งเป็นลักษณะที่หลงเหลือไว้จากระยะวัยลูกอ๊อดจนเติบโต พอโตเต็มที่ก็จะอาศัยอยู่บนบกมากกว่าในน้ำ นิ้วท์หางดาบนั้นก็มีพิษเช่นเดียวกับซาลาแมนเดอร์และนิ้วท์ชนิดอื่นๆนิ้วท์หางดาบชอบอาศัยอยู่ตามพื้นที่ชุ่มน้ำ แม่น้ำลำธารในป่าฝนเขตร้อน และพื้นที่นาข้าว โดยกินอาหารจำพวกแมลงเป็นอาหารหลัก ที่น่าสนใจคือ อัตราส่วนประชากรเพศของนิ้วท์หางดาบนั้นจะมีโอกาสเจอนิ้วท์ตัวผู้มากกว่านิ้วท์ตัวเมียเสียอีก ในปัจจุบันนั้นประชากรก็มีการฟื้นตัวระดับนึงจากการกำจัดเอเลี่ยนสปีชีส์ แต่ประชากรคนขยายตัวก็มีโอกาสเสี่ยงโดนรถเหยียบตายได้บ่อยครั้งแหล่งข้อมูลอ้างอิงhttps://medium.com/.../amphibian-advocate-sword-tail-newt...https://amphibiaweb.org/cgi/amphib_query...https://okinawanaturephotography.com/sword-tailed-newt.../

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 31 ม.ค. 25

อ่าน 2 ครั้ง


"ปลาซีลาแคนท์" ปลาผู้อยู่บนโลกนานหลายล้านปี

"ปลาซีลาแคนท์" ปลาผู้อยู่บนโลกนานหลายล้านปี

สิ่งมีชีวิตมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก บางจำพวกก็เลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้สามารถมีชีวิตรอดได้ อย่างปลาซีลาแคนท์ (Coelacanth) ปลาหน้าตาประหลาดที่เผ่าพันธุ์ของมันนั้นมีชีวิตรอดข้ามมหายุคมาถึง 3 ครั้งแล้ว ! มันมีชีวิตตั้งแต่ปลาเริ่มขึ้นบก จนถึงไดโนเสาร์ครองโลก และวิวัฒนาการของมนุษยชาติ มันก็ยังคงอยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลงปลาซีลาแคนท์เริ่มปรากฎตัวครั้งแรกบนโลกเมื่อช่วงราว 400 ล้านปีก่อนในยุคดีโวเนี่ยนตอนต้น โดยอิงจากหลักฐานของฟอสซิลปลาที่วัดค่าคาร์บอนอายุของหินได้ ปลาซีลาแคนท์วิวัฒนาการแตกสายออกเป็นหลายพวก แต่จะมีวงศ์เดียวที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันคือ วงศ์ Latimeriidaeปลาซีลาแคนท์ในปัจจุบันเหลือแค่ 2 ชนิด ดังนี้1.ปลาซีลาแคนท์เวสต์อินเดีย (West indian ocean coelacanth - 𝘓𝘢𝘵𝘪𝘮𝘦𝘳𝘪𝘢 𝘤𝘩𝘢𝘭𝘶𝘮𝘯𝘢𝘦): พบได้ในทะเลลึก 180-210 เมตร ในทะเลแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้ แถบหมู่เกาะโคโมโรส กึ่งกลางระหว่างเกาะมาดากัสการ์2.ปลาซีลาแคนท์อินโดนีเซีย (Indonesian coelacanth - 𝘓𝘢𝘵𝘪𝘮𝘦𝘳𝘪𝘢 𝘮𝘦𝘯𝘢𝘥𝘰𝘦𝘯𝘴𝘪𝘴): พบในทะเลระหว่างเกาะสุลาเวสีตอนเหนือ ที่ระดับความลึก 150 เมตรปลาซีลาแคนท์ที่อายุยืนที่สุดอาจจะมีอายุมากถึง 100 ปี แต่อายุเฉลี่ยที่มีการบันทึกจากการศึกษามวลกระดูก พบว่ามันจะมีอายุเฉลี่ยที่ 70 ปี แต่ตัวที่อายุยืนที่สุดที่มีคนจับได้ วัดออกมาอายุ 84 ปี !ปลาซีลาแคนท์ถูกจับครั้งแรกได้เมื่อช่วงปี 1938 นอกชายฝั่งด้านตะวันออกของแอฟริกาใต้ ปลาซีลาแคนท์ไม่มีคุณค่าทางการค้าอย่างแท้จริงนอกเสียจากจะแปรสภาพเป็นวัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และการเก็บสะสมส่วนตัวReferenceCoelacanth, Latimeria chalumnae Smith, 1939 by Australian Museumhttps://australian.museum/.../coelacanth-latimeria.../Fish once labeled a 'living fossil' surprises scientists againhttps://www.reuters.com/.../fish-once-labeled-living.../Coelacanths, Living Fossils of the Sea

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 29 ม.ค. 25

อ่าน 0 ครั้ง


"ปลาทอง" ไม่ใช่สัตว์ความจำสั้น ! เรื่องน่าสนใจของปลาทอง

"ปลาทอง" ไม่ใช่สัตว์ความจำสั้น ! เรื่องน่าสนใจของปลาทอง

"ห๊ะ ไม่คุ้นเลย ไปอยู่ไหนมา ยินดีที่ได้รู้จักชื่ออะไรเหรอ ชื่อป็อปเหรอ นี่ก็ชื่อป็อปเหมือนกัน อ่าๆเจอกันๆ" ทุกคนจำประโยคนี้กันไดัแม่นจากไลฟ์โชว์ในตำนาน เป็นเรื่องฉุดคิดและคำถามน่าสนใจว่าจริงๆแล้ว "ปลาทองเป็นสัตว์ความจำสั้นจริงหรือไม่ ?" แน่นอนว่าหลายคนจะตอบว่ามันก็ดูเป็นปลาซื่อๆหน้าตาโง่ๆรอตอดซากุระที่มนุษย์โรยให้บนผิวน้ำ แล้วก็เวลาขยับปากบางคนรู้สึกเหมือนโดนปลาด่า "พ่××" ตลอดเวลาอะไรประมาณนั้น มันคงมีความจำสั้นแค่ 3 วินาทีก็ลืมไปทุกอย่างละ เราจะมาทำความเข้าใจเจ้าปลาทองกันใหัมากๆครับ 1.สมองปลา : สมองของปลานั้นแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตรงที่ปลาไม่มีฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งทำหน้าที่สร้างความทรงจำแบบในนกและสัตว์เลี้ยงลูกนม ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่าหากปลาทองไม่มีความจำระยะยาว สมองของปลาทองอาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามการวิจัยพบว่าในสมองปลามีโครงสร้างทางประสาท “แพลเลียม” (Pallium) อยู่ด้านข้างทำหน้าที่ในการสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์และประสบการณ์ อีกทั้งปลาทองยังมีโครงสร้างหน่วยความจำที่คล้ายกับโครงสร้างที่ช่วยในการสร้างอารมณ์ด้วย มหัศจรรย์สุดๆ 2.ปลาทองเมมโมรี่เยอะ : คนเชื่อว่าปลาทองความจำสั้นแค่ 3 วินาที แต่จริงๆแล้วนักวิจัยและนักชีววิทยาได้ทำการทดลองพฤติกรรมและความฉลาดของปลาทอง พบว่าปลาทองมีความจำแม่นนาน 3 เดือน และที่พีคที่สุดก็คือ ปลาทองนี่สามารถจะจดจำเวลากินอาหารตัวเองได้ด้วย ส่วนหนึ่งของการวิจัยจะฝึกให้ปลาทองว่ายมาที่คันโยกที่ให้อาหารอัตโนมัติ ซึ่งเครื่องจะถูกหย่อนลงมาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ในการทดลองปรากฏว่าปลาทองสามารถจดจำได้และมันจะว่ายมาที่เครื่องในเวลาเดิมของทุกวันเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ามันเรียนรู้เวลาด้วยเช่นกัน ไม่ได้กินฟุ่มเฟื่อยแบบจำสั้นว่าตัวเองกินไปตอนไหน แต่ปลาทองรู้เวลากิน 3.เลโก้พิสูจน์ความจำ : ก่อนหน้าการวิจัยนี้ เคยมีเด็กช่างสังเกตคนนึงเขาทำการศึกษาเจ้าปลาทองแสนรักของเขาในบ้าน โดยก่อนเขาจะให้อาหารปลาทองของตัวเอง เขาจะใส่ตัวต่อเลโก้สีแดงเข้าไปก่อนหนึ่งตัว แล้วค่อยโรยอาหารไว้รอบๆ ซึ่งในช่วงแรกปลาทองเกิดอาการหวาดกลัว แต่หลังทำการทดลองประมาณ 2-3 สัปดาห์ปลาทองก็จำได้ว่าถ้าหากตัวต่อสีแดงถูกหย่อนลงมา แปลว่ามันกำลังจะได้กิน แล้วเขาก็หยุดทดลองหนึ่งสัปดาห์ พอกลับมาหย่อนเลโก้ลงไป เจ้าปลาทองก็ว่ายไปกินอาหารทันทีที่เห็นเลโก้4.นานกว่านั้น : แต่ว่าบางงานวิจัยก็บอกว่า ปลาทองน่ะความจำยาวกว่านั้นอีก ไม่ใช่ 3 เดือน และก็ไม่ใช่ 3 วินาทีด้วย แต่อาจเป็น 6 เดือนเลย ! เป็นงานวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีของอิสราเอลแสดงให้เห็นว่าปลาทองมีความทรงจำที่ยาวนานกว่านั้น หลังทำการวิจัยโดยฝึกลูกปลาทองให้ฟังเสียงเรียกจากลำโพงก่อนที่จะกินอาหาร จากนั้นเมื่อมันจดจำเสียงเรียกได้ นักวิจัยก็ปล่อยให้มันใช้ชีวิตอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเอง จนกระทั่งมันโตขึ้น ต่อมาอีกราว 6 เดือน นักวิจัยได้ลองเปิดลำโพงใช้เสียงเรียกพวกมันอีกครั้ง ผลปรากฏว่ามันยังคงว่ายน้ำตามเสียงเพื่อกินอาหารอยู่ บ่งบอกว่าปลาทองน่ะความจำดีและยาวนานด้วย เราควรมองปลาทองใหม่กันได้แล้วครับ ความจำดีกว่าตอนเราจำวันเกิดแฟนหรือวันครบรอบเป็นแฟนของมนุษย์กันอีก ! ReferenceGoldfish three-second memory myth busted. https://www.abc.net.au/.../goldfish-three-second.../1046710Do Goldfish Really Have A Three-Second Memory?https://www.iflscience.com/do-goldfish-really-have-a...Three-second memory myth: Fish show they can remember things for up to five months. https://www.dailymail.co.uk/.../Three-second-memory-myth...

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 29 ม.ค. 25

อ่าน 0 ครั้ง


ฉลามเลี้ยงยังไง มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง??? คู่มือการเลี้ยงปลาฉลามในตู้สำหรับมือใหม่จาก Repttown

ฉลามเลี้ยงยังไง มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง??? คู่มือการเลี้ยงปลาฉลามในตู้สำหรับมือใหม่จาก Repttown

คู่มือการเลี้ยงปลาฉลามในตู้สำหรับมือใหม่จาก Repttownปลาฉลามเป็นสัตว์น้ำที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยความลึกลับ แม้จะดูเหมาะกับการอยู่ในมหาสมุทร แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่สามารถเลี้ยงในตู้ปลาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย หากคุณสนใจเลี้ยงปลาฉลามในไทย บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่เหมาะสม การดูแล และกฎหมายที่เกี่ยวข้องปลาฉลามที่สามารถเลี้ยงได้ในไทย1. ปลาฉลามแบมบู (Bamboo Shark)ชื่อวิทยาศาสตร์: Chiloscyllium spp.ลักษณะเด่น: ลำตัวยาวเรียว มีลายแถบสีดำและน้ำตาลความยาว: 70-120 เซนติเมตรความเหมาะสม: ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและเลี้ยงง่าย2. ปลาฉลามอีพอเล็ต (Epaulette Shark)ชื่อวิทยาศาสตร์: Hemiscyllium ocellatumลักษณะเด่น: มีจุดวงกลมสีดำที่ครีบอก ดูเหมือนดวงตาเสริมเพื่อป้องกันศัตรูความยาว: 90-110 เซนติเมตรความเหมาะสม: เหมาะสำหรับตู้ปลาขนาดใหญ่3. ปลาฉลามกบ (Bullhead Shark)ชื่อวิทยาศาสตร์: Heterodontus spp.ลักษณะเด่น: หัวใหญ่ รูปร่างป้อม มีลวดลายสีน้ำตาลเข้มสลับดำความยาว: 70-150 เซนติเมตร (ขึ้นอยู่กับชนิดย่อย)ความเหมาะสม: ทนทานและไม่ต้องการพื้นที่ว่ายน้ำมาก4. ปลาฉลามพอร์ตแจ็กสัน (Port Jackson Shark)ชื่อวิทยาศาสตร์: Heterodontus portusjacksoniลักษณะเด่น: มีลายเส้นสีดำบนพื้นลำตัวสีเทา รูปร่างคล้ายฉลามกบความยาว: 90-170 เซนติเมตรถิ่นกำเนิด: ชายฝั่งออสเตรเลียความเหมาะสม: เหมาะสำหรับตู้ขนาดใหญ่ที่สามารถรักษาคุณภาพน้ำได้ดี5.ปลาฉลามแบล็กทิปรีฟ (Blacktip Reef Shark)ชื่อวิทยาศาสตร์: Carcharhinus melanopterusลักษณะเด่น: ปลายครีบสีดำ ตัวยาวและลื่นความยาว: 150-180 เซนติเมตรความเหมาะสม: เหมาะสำหรับตู้ที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก6. ปลาฉลามวอบบีกอง (Wobbegong Shark)ชื่อวิทยาศาสตร์: Orectolobus spp.ลักษณะเด่น: รูปร่างแบนคล้ายพรม มีลวดลายพรางตัว สีพื้นน้ำตาลเทาความยาว: 100-300 เซนติเมตร (ขึ้นอยู่กับชนิดย่อย)ถิ่นกำเนิด: ออสเตรเลียและอินโด-แปซิฟิกความเหมาะสม: นิยมสำหรับผู้เลี้ยงที่มีประสบการณ์และพื้นที่เลี้ยงขนาดใหญ่ข้อควรรู้ก่อนเริ่มเลี้ยงปลาฉลามพื้นที่ตู้ปลาปลาฉลามต้องการพื้นที่ว่ายน้ำที่กว้างขวาง ตู้ควรมีขนาดตั้งแต่ 1,000 ลิตรขึ้นไปตู้ทรงกลมหรือมุมโค้งช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการชนคุณภาพน้ำความเค็ม: 1.020-1.025อุณหภูมิ: 24-27 องศาเซลเซียสควบคุมค่าแอมโมเนีย ไนไตรต์ และไนเตรตอย่างเข้มงวดการจัดตู้ใช้พื้นทรายละเอียดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเพิ่มที่หลบซ่อน เช่น ถ้ำหิน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ปลอดภัยอาหารอาหารสด: ปลาเล็ก กุ้ง ปลาหมึกอาหารแช่แข็ง: ต้องละลายน้ำและปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกฎหมายเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาฉลามในไทยการนำเข้าและครอบครองการนำเข้าปลาฉลามต้องได้รับอนุญาตจากกรมประมงบางชนิดต้องตรวจสอบว่าอยู่ในบัญชี CITES หรือไม่ข้อกำหนดสถานที่เลี้ยงตู้ปลาหรือบ่อเลี้ยงต้องมีมาตรฐานและปลอดภัยห้ามเลี้ยงในพื้นที่ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชนสายพันธุ์ต้องห้ามห้ามเลี้ยงปลาฉลามที่จัดเป็นสัตว์คุ้มครอง เช่น ฉลามวาฬ (Rhincodon typus) และฉลามหัวค้อน (Sphyrna spp.)การจำหน่ายและส่งออกการจำหน่ายหรือส่งออกปลาฉลามต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมประมงวิธีการเลี้ยงปลาฉลามในตู้เตรียมระบบตู้ใช้ระบบกรองน้ำที่ดี เช่น ระบบกรองชีวภาพ และโปรตีนสกิมเมอร์ตั้งค่าตู้ล่วงหน้า 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ระบบน้ำมีความเสถียรการให้อาหารให้อาหาร 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ป้อนด้วยคีมหรือแหนบเพื่อลดความเสี่ยงต่อการถูกกัดการดูแลสุขภาพตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำหากพบปลาว่ายผิดปกติหรือมีแผล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคำถามที่พบบ่อยQ: ปลาฉลามเลี้ยงยากไหม?A: ปลาฉลามต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น พื้นที่กว้าง คุณภาพน้ำ และอาหารสด เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่มีประสบการณ์Q: ปลาฉลามราคาเท่าไหร่?A: ราคาปลาฉลามขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาทไปจนถึงหลายหมื่นบาทQ: ปลาฉลามสามารถอยู่กับปลาชนิดอื่นได้หรือไม่?A: ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่โดยทั่วไปควรเลี้ยงแยกเพื่อลดความเสี่ยงต่อการล่าหากคุณสนใจเลี้ยงปลาฉลามหรือกำลังมองหาอุปกรณ์คุณภาพสูง สามารถติดต่อทีมงาน Repttown เพื่อขอคำปรึกษาและจัดหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเลี้ยงปลาฉลามของคุณได้ที่ www.repttown.com

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 17 ม.ค. 25

อ่าน 61 ครั้ง


ปลาทะเลเลี้ยงยังไง มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง??? - คู่มือการเลี้ยงปลาทะเลสำหรับมือใหม่จาก Repttown

ปลาทะเลเลี้ยงยังไง มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง??? - คู่มือการเลี้ยงปลาทะเลสำหรับมือใหม่จาก Repttown

คู่มือการเลี้ยงปลาทะเลสำหรับมือใหม่จาก Repttownปลาทะเลถือเป็นสัตว์น้ำที่มีความสวยงามและหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการจัดตู้ปลาให้มีสีสันและความมีชีวิตชีวา แม้ว่าการเลี้ยงปลาทะเลอาจดูซับซ้อนกว่าปลาน้ำจืด แต่ด้วยความรู้ที่ถูกต้องและการเตรียมตัวที่ดี คุณก็สามารถสร้างระบบนิเวศขนาดเล็กที่สมบูรณ์แบบในบ้านของคุณได้ลักษณะเด่นของปลาทะเลสีสันสดใส: ปลาทะเลมีสีสันที่หลากหลายและโดดเด่น เช่น ปลานกแก้ว ปลาสิงโต และปลาการ์ตูนความหลากหลายของชนิด: ปลาทะเลมีมากกว่า 20,000 สายพันธุ์ ตั้งแต่ปลาขนาดเล็กจนถึงปลาขนาดใหญ่ระบบนิเวศเฉพาะ: การเลี้ยงปลาทะเลต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกับทะเล เช่น การควบคุมความเค็ม อุณหภูมิ และแสงข้อควรรู้ก่อนเริ่มเลี้ยงปลาทะเลการเลือกชนิดของปลาเริ่มต้นด้วยปลาที่เลี้ยงง่าย เช่น ปลาการ์ตูน (Clownfish) หรือปลาแองเจิล (Angel Fish)หลีกเลี่ยงปลาที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือปลาที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษขนาดตู้ปลาควรใช้ตู้ปลาขนาด 100 ลิตรขึ้นไปเพื่อให้ระบบนิเวศมีความสมดุลเลือกตู้ที่มีระบบกรองน้ำแบบครบวงจรการดูแลคุณภาพน้ำความเค็มของน้ำควรอยู่ที่ 1.020-1.026 (วัดด้วยไฮโดรมิเตอร์)ควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 24-27 องศาเซลเซียสเปลี่ยนน้ำประมาณ 10-15% ทุก 1-2 สัปดาห์วิธีการเลี้ยงปลาทะเลอุปกรณ์ที่จำเป็นตู้ปลา: เลือกตู้ขนาดใหญ่เพื่อรองรับปลาและระบบนิเวศระบบกรองน้ำ: ระบบกรองชีวภาพ (Biological Filter) และโปรตีนสกิมเมอร์ (Protein Skimmer) เพื่อกำจัดของเสียเครื่องควบคุมอุณหภูมิ: ฮีตเตอร์และพัดลมระบายความร้อนแสงสว่าง: เลือกหลอดไฟ LED ที่เหมาะสำหรับตู้ปลาทะเล เช่น แสงสีฟ้าหรือแสงเต็มสเปกตรัมหินเป็นและทรายทะเล: ใช้หินเป็น (Live Rock) เพื่อช่วยในกระบวนการกรองธรรมชาติการจัดตู้ปลาทะเลตั้งค่าตู้ปลาเติมน้ำทะเลที่ปรุงจากเกลือสำหรับปลาทะเลตั้งค่าอุปกรณ์ทั้งหมดและตรวจสอบว่าเครื่องทำงานปกติรันระบบกรองน้ำประมาณ 2-4 สัปดาห์ก่อนปล่อยปลาเพิ่มปลาใส่ปลาครั้งละ 1-2 ตัวเพื่อให้ระบบกรองปรับตัวใช้วิธีปรับอุณหภูมิ (Acclimation) โดยการแช่ถุงปลาลงในตู้เพื่อปรับอุณหภูมิก่อนปล่อยปลาการดูแลประจำวันให้อาหาร 1-2 ครั้งต่อวันในปริมาณที่พอดีตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำอาหารและโภชนาการอาหารสด: เช่น ไรทะเลหรือกุ้งฝอยอาหารแช่แข็ง: เช่น อาร์ทีเมียแช่แข็งอาหารสำเร็จรูป: เม็ดหรือเกล็ดสำหรับปลาทะเลคำแนะนำ: ให้ปลากินอาหารหลากหลายชนิดเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนโรคที่พบบ่อยในปลาทะเลโรคจุดขาว (Marine Ich)อาการ: จุดสีขาวบนตัวปลาวิธีรักษา: เพิ่มอุณหภูมิของน้ำและใช้ยาฆ่าเชื้อโรคเชื้อราอาการ: มีคราบขาวบนตัวปลาวิธีรักษา: ใช้ยารักษาโรคเชื้อราในปลาทะเลปัญหาเหงือกบวมอาการ: ปลาหายใจเร็ววิธีรักษา: ปรับคุณภาพน้ำและลดความเครียดของปลาคำถามที่พบบ่อยQ: เลี้ยงปลาทะเลยากกว่าปลาน้ำจืดหรือไม่?A: เลี้ยงยากกว่าเล็กน้อยเนื่องจากต้องควบคุมคุณภาพน้ำและความเค็มอย่างแม่นยำQ: ปลาทะเลราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่?A: ปลาทะเลบางชนิดราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 200-500 บาท แต่ปลาหายากอาจมีราคาหลักพันถึงหลักหมื่นQ: ปลาทะเลเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?A: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ศึกษาข้อมูลและมีอุปกรณ์ครบถ้วนหากคุณสนใจจัดตู้ปลาทะเลหรือกำลังมองหาอุปกรณ์คุณภาพสำหรับดูแลปลาทะเลของคุณ สามารถเยี่ยมชมเราได้ที่ www.repttown.com เราพร้อมช่วยให้คุณเริ่มต้นการเลี้ยงปลาทะเลได้อย่างมั่นใจ!

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 17 ม.ค. 25

อ่าน 5 ครั้ง


วิธีการเพาะปลากัด เคล็ดลับการเพาะพันธุ์ปลากัด: การเลือกพ่อแม่พันธุ์ การดูแลลูกปลา และวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง

วิธีการเพาะปลากัด เคล็ดลับการเพาะพันธุ์ปลากัด: การเลือกพ่อแม่พันธุ์ การดูแลลูกปลา และวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง

ปลากัดถือเป็นปลาสวยงามที่มีความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ การเพาะพันธุ์ปลากัดให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้น ต้องเริ่มจากการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่เหมาะสม การเตรียมสภาพแวดล้อม และการดูแลลูกปลาในระยะเริ่มต้นอย่างถูกวิธี บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเคล็ดลับเหล่านี้อย่างละเอียด1. การคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์การเลือกพ่อแม่พันธุ์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของลูกปลา ปลากัดควรมีอายุ 4-6 เดือนขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าปลามีความสมบูรณ์ทางกายภาพและพร้อมต่อการเพาะพันธุ์ลักษณะพ่อพันธุ์: เลือกปลาที่แข็งแรง มีความคล่องตัวสูง และไม่มีร่องรอยของโรค มีการสร้างหวอดบนผิวน้ำลักษณะแม่พันธุ์: เลือกปลาที่มีลำตัวอวบสมบูรณ์ ท้องมีไข่ชัดเจน และตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น เช่น การไล่ปลา2. การเพาะพันธุ์ปลากัดการเพาะพันธุ์ปลากัดต้องแยกพ่อแม่พันธุ์ออกจากกันก่อนนำมาเข้าคู่ เพื่อกระตุ้นให้ปลามีความพร้อมในการผสมพันธุ์เตรียมบ่อหรือภาชนะใส่น้ำสะอาดใส่ใบตองหรือใบไม้น้ำเพื่อสร้างความเป็นธรรมชาติแนะนำให้นำพ่อพันธุ์ลงก่อน 1-2 วันเพื่อปรับตัว3. การอนุบาลลูกปลากัดหลังจากปล่อยให้พ่อพันธุ์ดูแลไข่จนฟักเป็นตัว ลูกปลาควรได้รับการอนุบาลในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้อาหารที่ย่อยง่าย เช่น ไรแดงหมั่นเปลี่ยนน้ำสะอาดเพื่อลดความเสี่ยงของโรค4. วิธีการเลี้ยงปลากัดใช้ภาชนะที่เหมาะสม เช่น โหลแก้ว หรือบ่อขนาดเล็กเปลี่ยนน้ำอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1 ครั้งให้อาหารวันละ 1-2 ครั้ง และไม่ควรให้เกินความจำเป็นสรุปการเพาะพันธุ์และเลี้ยงปลากัดให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการวางแผนและดูแลอย่างถูกต้อง นอกจากจะได้ลูกปลาที่แข็งแรงและสวยงามแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการเลี้ยงปลากัดในเชิงพาณิชย์อีกด้วยหากต้องการขายสัตว์เลี้ยงสามารถลงขายได้ที่ Repttown.com ใช้งานง่าย ลงขายฟรี มีผู้ใช้งานไม่ต่ำกว่า 35,000 Users/เดือน มีฟาร์มชั้นนำไม่ต่ำกว่า 1,000 ฟาร์มทั่วไทย

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 14 ม.ค. 25

อ่าน 10 ครั้ง

REPTALES v1.0.2 by ReptTown
All Right Reserved