- ได้แฮมสเตอร์มาจากร้าน ดูท้องมันใหญ่ขึ้น
- ตัวเมียไล่กัดตัวผู้ เขาท้องหรือเปล่า
- แฮมสเตอร์ท้องนานเท่าไหร่
คำถามเหล่านี้เป็นอะไรที่อาจจะเจอบ่อยตามกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงแฮมสเตอร์เป็นครั้งแรก และเข้าใจผิดซื้อแฮมสเตอร์เป็นคู่ผู้เมียมา ถ้าเลี้ยงๆไปไม่ได้แยก แทบทั้งหมดจะท้องภายในเดือนสองเดือนหลังจากที่ได้มา เพราะแฮมสเตอร์อายุ6สัปดาห์ก็เข้าสู้วัยเจริญพันธุ์และท้องได้แล้ว ซึ่งแน่นอนมันนี้ไม่ปลอดภัย เพราะมันก็ไม่ต่างจากให้เด็กอายุ12ท้องนั้นแหละ (รายละเอียด ตามอ่านได้ในอีกโพสเนอะ)
หรืออีกด้านคือคนที่เลี้ยงมาซักพักแล้ว ศึกษาข้อมูลข้อดีข้อเสียของการผสมหนูแล้ว เตรียมเลี้ยงหลานๆแล้วอยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ
ก่อนอื่นเลย สิ่งที่สำคัญที่สุด
เตรียมหาสัตวแพทย์เฉพาะทางสัตว์พิเศษใกล้บ้าน ที่สามารถพาไปหาเวลาฉุกเฉินได้
อันนี้เน้นมากๆไม่ว่าหนูจะท้องหรือไม่ก็ตาม โดยเฉพาะหนูท้องใกล้คลอด อะไรที่ผิดปกติเช่นเขาแท้ง ตกเลือดมาก คลอดไม่ได้ ต้องได้รับการรักษาทันที เพราะอาการจะทรุดเร็วมากและมีโอกาสสูงที่จะตายทั้งแม่ทั้งลูกได้
กลับเข้าเรื่อง ไม่ว่าจะพลาดแยกไม่ทัน หรือตั้งใจผสมหนู
ดูอย่างไรว่าท้อง
เราจะเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ประมาณ 7 วันหลังผสม ขึ้นกับความชำนาญของผู้เลี้ยงและจำนวนลูกที่อยู่ในท้อง
การเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งอาจไม่ได้แปลว่าท้อง ต้องสังเกตหลายๆอย่างร่วมกันเสมอ
ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
- เห็นหัวนมชัดขึ้น เป็นสีชมพู (ในหนูที่ขนท้องบาง หรือพันธ์ุไจแอนท์ก็อาจเห็นนมได้เป็นปกติทั้งที่ยังไม่ได้ท้อง)
- เวลาคลำท้องเบาๆจะรู้สึกว่าแน่นและหนักขึ้น ตอนช่วงท้ายอาจจะคลำเจอลูกดิ้นได้
- ลำตัวส่วนท้ายจะขยายขึ้นจนเหมือนรูปหยดน้ำ ต่างจากหนูอ้วนที่จะขยายเท่าๆกันทั้งตัว
- น้ำหนักเยอะขึ้น ส่วนมากจะประมาณ10กรัม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และจำนวนลูกในท้อง
ความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
- ไม่แสดงอาการฮีท(ติดสัด) 4 วันหลังจากผสม ในพันธุ์ไจแอนท์คือการยืนนิ่งๆ โก่งก้น และปล่อยกลิ่น
- เริ่มดุมากขึ้น ไม่ค่อยอยากให้เจ้าของอุ้ม และมักจะไม่ยอมให้ตัวผู้เข้าใกล้หรือผสม
- ตุนอาหารและทำรังมากกว่าปกติ (หนูที่ไม่ท้องทั้งตัวผู้และตัวเมียจะตุนอาหารและทำรัง แต่ในหนูท้องจะเพิ่มขึ้น)
ท้องนานแค่ไหน
หนูแต่ละพันธุ์จะท้องนานไม่เท่ากัน จำนวนวันนี้นับจากวันผสม แต่ถ้าในกรณีที่เจ้าของมาเจอหนูที่เลี้ยงรวมกันไว้ท้อง และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดชัดมาก ส่วนใหญ่จะคลอดภายในอาทิตย์นั้น
- โรโบรอฟสกี้ 23-30 วัน
- วินเทอร์ไวท์และแคมเบล 18-21วัน
- ไจแอนท์ 16-18วัน
สำหรับหนูที่เพิ่งรับมาจากร้าน หรือเพิ่งแยกจากตัวผู้แล้วไม่แน่ใจว่าท้องไหม ให้นับวันหลังจากแยกไปประมาณ3อาทิตย์(หรือเดือนนึงในพันธุ์โรโบ) ดูแลทุกอย่างเหมือนหนูท้องไปก่อน ถ้าไม่คลอดในระยะเวลานั้นก็สบายใจได้
การดูแลหนูท้อง
อย่างแรกที่ต้องทำ คือแยกหนูตัวผู้ออกทันที
หนูที่ไม่ท้องก็ต้องแยก เพราะแฮมสเตอร์เป็นสัตว์สันโดษโดยธรรมชาติและไม่ต้องการอยู่ด้วยกัน ยิ่งในช่วงที่หนูกำลังท้องอยู่จะดุขึ้นและอาจทำร้ายกันจนเป็นแผลหนักได้ อีกอย่างคือแฮมสเตอร์ไม่ได้เหมือนหนูอื่นที่จะช่วยกันเลี้ยงลูก ดีไม่ดีตัวผู้อาจจะทำร้ายลูกที่คลอดออกมาด้วย อีกสาเหตุนึงคือตัวเมียมีกจะมีการตกไข่อีกรอบภายใน24ชั่วโมงหลังคลอด ถ้าเรามาแยกตัวผู้หลังคลอดแล้วอาจจะไม่ทัน ทำให้ตัวเมียท้องต่อทันที เรียกว่าการท้องซ้อน
จากนั้น ให้เตรียมกรงสำหรับเลี้ยงตั้งแต่ท้องจนคลอด
การจัดกรงที่เหมาะสมคือ
- กระบะหรือกรงถาดสูงขนาดประมาณ 60x40 ซม. ไม่มีชั้นลอยหรือชั้น2ชั้น3 ที่แนะนำให้ใช้แบบนี้เพื้อป้องกันการปีนของแม่หนู และอาจตกลงมากระแทกและแท้งได้ อีกอย่างคือป้องกันลูกดิ้นแล้วหลุดออกมาจากกรง ภายในกรง
- ใส่รองกรงที่ซึมซับดี เช่นก้านปอ เคธี่ แอสเพน หนาประมาณ1-2นิ้วเป็นอย่างน้อย ก่อนคลอด 1-2 วันให้ทำความสะอาดกรงอีกครั้ง
ทำไมต้องใช้กรงใหญ่และรองกรงเยอะ?เพราะหลังจากคลอดแล้วเราไม่ควรเปลี่ยนรองกรงจนกว่าลูกจะลืมตา (14วัน) เนื่องจากแม่อาจผิดกลิ่น เครียดและไม่เลี้ยงลูกได้ การใช้กรงใหญ่และใส่รองกรงเยอะจะช่วยให้กรงสกปรกช้าลง
- ใส่วัสดุทำรังเป็นทิชชู่ฉีก หรือเคธี่ ห้ามใช้สำลีหรือผ้า เพราะจะไปพันขาหรืออุดทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารได้
- ใช้ขวดน้ำแทนถ้วยน้ำ ป้องกันลูกจมน้ำ ใส่น้ำเปล่าเท่านั้น (น้ำวิตามินตามตลาดมักเป็นวิตามินปลอม อาจเกิดอันตรายได้)
- ถ้วยอาหารเตี้ยๆ ตอนที่ลูกเริ่มเดินได้จะได้ปีนขึ้นมากินได้
- บ้าน ขนาดใหญ่พอให้แม่และลูกๆอยู่ได้
ของอื่นๆในกรงเช่นจักรและถ้วยทราย สามารถใส่ไว้ได้ แต่ควรเอาออกก่อนคลอด เพราะแม่อาจไปคลอดในจักรและวิ่งทับ ส่วนถ้วยทรายต้องระวังทรายเข้าปากและจมูกของลูก (*ทรายไม่ได้ดูดความชื้นอย่างที่เข้าใจกัน)
หลังจากนั้น วางกรงในบริเวณที่สงบ ไม่มีเสียงดัง ไม่มีฝุ่น และไม่ร้อนจนเกินไป และอย่าลืมหาวิธีป้องกันมดต่างๆเช่นการใช้แผ่นกันมด วางกรงบนโต๊ะแล้วหล่อน้ำที่ขา เพราะหลังคลอดจะมีเลือดและล่อมดได้
ระหว่างนี้สามารถอุ้มแม่หนูได้ แต่ควรทำด้วยความระมัดระวังและอุ้มเมื่อจำเป็น ป้องกันการบาดเจ็บ
อาหารหนูท้อง
ระหว่างนี้หนูสามารถทานอาหารที่ให้ปกติได้ โดยเน้นเป็นอาหารคุณภาพที่สารอาหารเหมาะสม อย่างเช่น Hamster nature, Hamster complete, Mazuri, Puur, Bunny hamster dream หรืออาหารผสมตามเพจที่เชื่อถือได้
พวกอาหารตามตลาด ที่เป็นเมล็ดทานตะวันผสมอาหารเขียวแดง อาหารหมู อาหารแมว ฯลฯ ห้ามให้ หนูจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ลูกออกมาไม่แข็งแรงและแม่โทรมจนเลี้ยงลูกไม่ไหวและตาย
ส่วนอาหารเสริม สามารถให้อาหารโปรตีนสูงได้ครั้งละ1ช้อนชา อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง สำหรับอาหารสดถ้าหนูกินไม่หมดภายใน1-2ชั่วโมงให้เก็บทิ้งป้องกันการเน่าเสียและมดขึ้น
อาหารเหล่านี้ได้แก่
- ไข่ผง
- หนอนนก/จิ้งหรีด/ดักแด้ ให้แบบอบแห้งครั้งละ2-3 ตัวพอ
- ไข่ต้ม
- ไก่ต้ม
หลังจากนี้ ก็มาลุ้นกันว่าจะมีเด็กๆกี่ตัว
---------------------------------------------------
ดูอย่างไรว่าหนูจะคลอดลูก
ในหนูท้องแก่จะสังเกตได้ง่ายมากว่าเขาท้อง เนื่องจากท้องขยายใหญ่มากและเห็นหัวนมได้ชัดเจน ถ้าไม่ได้นับวันผสมไว้หรือเพิ่งซื้อมา ตอนที่เรามาเจอว่าท้องก็อาจจะใกล้คลอดแล้ว (ส่วนใหญ่จะไม่เกิน1อาทิตย์) สิ่งที่เราจะสังเกตได้เวลาหนูกำลังจะคลอดได้แก่
- ดูกระวนกระวาย เดินไปมา อาจจะขุดด้วย เพื่อหาจุดที่ปลอดภัยไว้คลอดลูก
- เลือดออกบริเวณช่องคลอด ลักษณะจะเป็นเลือดสดปริมาณเล็กน้อย อาจจะเลอะรองกรงได้บ้าง
- เลียช่องคลอดมากขึ้นและพยายามเบ่ง
ถ้าเจอหนูแสดงอาการเหล่านี้อย่ารบกวนมาก อย่าอุ้มออกมาเล่น ให้เฝ้าดูอยู่ห่างๆเป็นระยะๆ เพื่อสังเกตอาการผิดปกติ หนูมักจะคลอดลูกทีละตัวจนกว่าจะหมด ในหนึ่งครอกจะมีลูกหนูได้ตั้งแต่ 1-14ตัว ส่วนใหญ่จะ 4-8ตัวแล้วแต่สายพันธุ์
หากหนูมีอาหารเหล่านี้ ต้องพาไปพบแพทย์ทันที เพราะการคลอดลูกนั้นมีความเสี่ยงต่อแม่มาก หากรักษาไม่ทันแม่จะช็อคตายได้อย่างรวดเร็ว
- เลือดออกปริมาณมาก เลอะถึงก้น หรือรองกรงชุ่มไปด้วยเลือดทั้งที่ลูกหนูยังไม่ออกมา
- ลูกติดค้างอยู่ที่ช่องคลอดเป็นเวลานาน เบ่งออกมาไม่ได้
- ซึม หมดแรง เดินไม่ไหว จากการเบ่งเป็นเวลานาน หรือจากการเสียเลือดมาก
ทำอะไรบ้าง
ในกรณีที่เราเตรียมกรงไว้ตั้งแต่ตอนหนูท้องแล้ว หลังจากนี้ก็ทำเหมือนเดิมเลย ให้อาหารและน้ำให้พอ และเฝ้าสังเกตอยู่เรื่อยๆเพื่อให้มั่นใจว่าแม่หนูปลอดภัยดี ถ้ายังไม่ได้ยกจักรกับถ้วยทรายออก ก็เอาออกตอนนี้เลย
... แต่ถ้าเป็นกรณีที่เดินมาเจอหนูกำลังคลอดโดยที่ไม่รู้ว่าท้องมาก่อน ไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย ให้ทำตามนี้
แยกหนูตัวผู้ออกทันที เพราะแฮมสเตอร์เป็นสัตว์สันโดษ ในธรรมชาติตัวผู้จะไม่ได้มีส่วนในการช่วยเลี้ยงลูกเลย ดีไม่ดีตัวผู้อาจจะทำร้ายลูกที่คลอดออกมาด้วย อีกสาเหตุนึงคือตัวเมียจะมีการตกไข่อีกรอบภายใน24ชั่วโมงหลังคลอด ถ้าเราไม่แยกเขาจะผสมต่อ ทำให้ตัวเมียท้องต่อทันที เรียกว่าการ"ท้องซ้อน" ทีนี้เรื่องใหญ่ ลองคิดดูว่าเพิ่งคลอดมาโทรมๆ มาท้องต่ออีก เลี้ยงลูกไปพร้อมๆกันอีก เสี่ยงตายมากๆ
ยกจักร ถ้วยทราย ชั้นสอง/ชั้นลอยออกเพื่อป้องกันแม่หนูไปคลอดลูกในนั้น และอาจตกลงมากระแทกหรือโดนเหยีบและได้รับอันตรายด้วย
ใส่วัสดุทำรังเป็นทิชชู่ฉีก หรือเคธี่ไว้อีกมุมนึงของรังให้แม่เขาคาบไปทำรังเอง ห้ามใช้สำลีหรือผ้า เพราะจะไปพันขาหรืออุดทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารได้ ระวังการแตะตัวลูกหนู
ใช้ขวดน้ำแทนถ้วยน้ำ ป้องกันลูกจมน้ำ ใส่น้ำเปล่าเท่านั้น (น้ำวิตามินตามตลาดมักเป็นวิตามินปลอม อย่าใส่นะคะ อาจเกิดอันตรายได้)
ถ้วยอาหารเตี้ยๆ ตอนที่ลูกเริ่มเดินได้จะได้ปีนขึ้นมากินได้
ใส่บ้านขนาดใหญ่พอให้แม่และลูกๆอยู่ได้
ในกรณีที่เรายังไม่ได้ทำความสะอาดกรงก่อนคลอด หรือกรงเล็กเกินไป (เช่นกรงพกพา) เราสามารถนำกรงเดิมเข้าไปวางในกรงที่เหมาะสมได้ (เป็นกระบะหรือกรงถาดสูงขนาดประมาณ 60x40 ซม. ไม่มีชั้นลอยหรือชั้น2ชั้น3 ใส่รองกรงที่ซึมซับดีหนาๆ) แล้วรอให้แม่หนูย้ายลูกออกมาก่อนยกกรงเดิมออก
หลังจากนั้น วางกรงในบริเวณที่สงบ ไม่มีเสียงดัง ไม่มีฝุ่น และไม่ร้อนจนเกินไป และอย่าลืมหาวิธีป้องกันมดต่างๆเช่นการใช้แผ่นกันมด วางกรงบนโต๊ะแล้วหล่อน้ำที่ขา เพราะหลังคลอดจะมีเลือดและล่อมดได้
ระหว่างนี้สามารถอุ้มแม่หนูได้ แต่ควรทำด้วยความระมัดระวังและอุ้มเมื่อจำเป็น
สิ่งที่ห้ามทำคือ
ห้ามจับตัวลูกหนู เพราะแม่จะผิดกลิ่น เครียด และกินลูกหรือไม่เลี้ยงได้ ถ้าเห็นลูกหนูอยู่แบบกระจายอย่างเพิ่งตกใจ รอให้แม่เขาเก็บเข้าที่เอง
ห้ามเปลี่ยนรองกรง เพราะแบบนี้แม่ก็จะผิดกลิ่นและเครียดได้เหมือนกัน
ห้ามแยกลูกหนูออกมาเลี้ยงเอง เพราะโอกาสรอดนั้นน้อยมากๆ แทบจะ0%เลยก็ว่าได้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆปล่อยให้แม่เขาเลี้ยงเอง
ทั้งสองอย่างนี้จะต้องรอให้ลูกหนูลืมตาก่อน (14-16วัน) เพราะจะเป็นช่วงที่เขาเริ่มสร้างกลิ่นของตัวเองแล้ว และแม่ไม่หวงมากเท่าเดิม
อาหารแม่หนูและลูกๆ
ตรงนี้แทบไม่ต่างจากตอนท้อง คือสามารถทานอาหารที่ให้ปกติได้ โดยเน้นเป็นอาหารคุณภาพที่สารอาหารเหมาะสม อย่างเช่น Hamster nature, Hamster complete, Mazuri, Puur, Bunny hamster dream หรืออาหารผสมตามเพจที่เชื่อถือได้
พวกอาหารตามตลาด ที่เป็นเมล็ดทานตะวันผสมอาหารเขียวแดง อาหารหมู อาหารแมว PetHeng ฯลฯ หรืออาหารที่โปรตีนต่ำกว่า15% (เช่น บัดดี้) ไม่แนะนำให้ให้ หนูจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ลูกออกมาไม่แข็งแรงและแม่โทรมจนเลี้ยงลูกไม่ไหวและตาย
ส่วนอาหารเสริม สามารถให้อาหารโปรตีนสูงได้ครั้งละ1ช้อนชา อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง สำหรับอาหารสดถ้าหนูกินไม่หมดภายใน 1-2 ชั่วโมงให้เก็บทิ้งป้องกันการเน่าเสียและมดขึ้น
อาหารเหล่านี้ได้แก่
- ไข่ผง
- หนอนนก/จิ้งหรีด/ดักแด้ ให้แบบอบแห้งครั้งละ2-3 ตัวพอ
- ไข่ต้ม
- ไก่ต้ม
นอกจากนั้น สามารถให้ข้าวโพดหวานดิบ บวบเหลี่ยมปอกเปลือก ครั้งละ1ช้อนชาเพื่อเพิ่มน้ำนมได้
พัฒนาการของลูกหนู
- แรกเกิด: ตัวสีชมพู ไม่มีขน ตาปิด หูปิด ผิวบาง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องการนมแม่ซึ่งเป็นทั้งอาหารและเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- 3 วัน: ผิวหนังเริ่มสีเข้มขึ้น อาจเห็นลายคร่าวๆได้ ขนหนวดเริ่มขึ้น
- 4-7 วัน: ขนจะค่อยๆขึ้น หูเปิด ฟันเริ่มขึ้น
- 10 วัน: เริ่มคลานออกจากรังได้ บางตัวจะเริ่มแทะอาหารของแม่ ขนขึ้นเกือบเต็ม
- 14-16 วัน: ตาเริ่มเปิด ขนขึ้นเต็มแต่จะยังดูเรียบไปกับตัว เริ่มวิ่งไปมาในกรงได้เร็วขึ้น อาจจะเริ่มฟัดเล่นกับพี่น้องในครอก **สามารถจับลูกๆและเปลี่ยนรองกรงได้ ห้ามแยกออกจากแม่ในช่วงนี้
- 20-25 วัน: ลืมตาเต็มที่ วิ่งเล่นได้ ทานอาหารแข็งเป็นหลัก เริ่มหย่านมแม่ **สามารถแยกออกจากแม่ได้หากแม่ดูโทรม หรือพี่น้องเริ่มกัดกัน
- 30 วัน: ขนดูฟู รูปทรงเหมือนหนูที่ขายตามร้านทั่วไป สามารถดูแลตัวเองได้ **แนะนำให้แยกจากแม่และแยกกรงตามเพศ แยกเลี้ยงเดี่ยวถ้าเริ่มกัดกัน
- 35 วันขึ้นไป แยกเลี้ยงกรงละตัว
หลังลูกๆหย่านมและแยกออกจากแม่ ควรให้แม่ได้พักอย่างน้อย3เดือนก่อนจะผสมครอกต่อไปหรือจนกว่าแม่หนูจะกลับมาสมบูรณ์ และไม่ควรให้มีลูกมากกว่า2ครอกตลอดช่วงชีวิต
การแก้ปัญหาเบื้องต้น
แม่กินลูก
ในลูกหนูแต่ละคนอก เป็นเรื่องปกติที่ไม่ใช่ว่าลูกทุกตัวจะรอด ในธรรมชาติเมื่อลูกหนูตายหรืออ่อนแอ แม่เขาจะกินเพื่อกำจัดซากไม่ให้นักล่าตามกลิ่นมาเจอ
สาเหตุแบ่งออกเป็นได้หลายอย่าง
- แม่
- อายุน้อยเกินไป : ทำให้ยังเลี้ยงลูกไม่เป็น หรือร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะเลี้ยงลูกไหว ผลิตน่ำนมได้ไม่เพียงพอ
- ไม่แข็งแรง ได้รับอาหารไม่พอ : ก็จะกินลูกเพื่อประทังชีวิต เพราะรู้ว่าถึงเลี้ยงไปก็เลี้ยงไม่ไหว
- รู้สึกไม่ปลอดภัย : ส่วนใหญ่จะจากการรบกวนมากเกินไปของเจ้าของ หรือแม่ยังกลัวคนเลี้ยงอยู่
- ลูก
- ไม่แข็งแรง พิการ มีจำนวนมากเกินกว่าที่แม่จะเลี้ยงไหว : ตามสันชาตญาณเขาจะกินตัวที่อ่อนแอที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาศรอดของตัวที่เหลือ
- ตายไปเอง : แม่จะกินซากตัวที่ตายเพื่อป้องกันสัตว์อื่นมาเจอรัง
- สภาพแวดล้อม
- มีการรบกวนมาก เสียงดัง : เมื่อแม่รู้สึกไม่ปลอดภัย อาจจะกินลูกเพื่อให้หนีได้ หรืออาจจะอมลูกเข้ากระพุ้งแก้ม นานๆเข้าลูกจะขาดอากาศหายใจตายได้
- เจ้าของไปจับลูก : จะทำให้แม่รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม และจำกลิ่นไม่ได้ว่านี่เป็นลูกของตัวเอง
- อากาศร้อน : ทำให้หนูเครียดและอ่อนเพลีย
- ไม่ได้เอาตัวผู้ออก : ตัวผู้อาจจะมาสร้างความรำคาญให้กับแม่หนู เอากลิ่นไปติดลูกๆ หรือเป๋นตัวที่ทำร้ายลูกซะเอง แฮมสเตอร์ไม่เหมือนคน เขาไม่รู้จักพ่อแม่ลูก แยกตัวพ่อออกไปเลยค่ะ
วิธีแก้คือแก้กันไปตามสาเหตุ เช่น ให้อาหารให้เพียงพอ วางกรงในที่สงบ ไม่รบกวน แยกตัวผู้ออกทันที
ถ้าเจอลูกหนูที่ตายแล้วแต่แม่ยังไม่กิน หรือกินไปบางส่วน ให้ใช้ช้อนสะอาดตักลูกหนูที่ตายออกเพื่อป้องกันการเน่า มดขึ้น
แม่ไม่เลี้ยงลูก ลูกกระจายไปหมด
หลังคลอดแม่อาจจะเหนื่อยและต้องการการพัก อย่าพยายามตักลูกไปรวมกันเพราะจะทำให้แม่เครียดมากขึ้น ให้ปล่อยแม่กับลูกไว้ตามลำพัง ลดการรบกวน
บางครั้งแม่เขาจะไม่ได้กกลูกตลอดเวลา จะมีช่วงที่ออกไปพักบ้าง ไม่ต้องตกใจ
วิธีที่จะรู้ได้ว่าแม่เลี้ยงลูกหรือไม่คือดูที่ท้องลูกหนู ตรงกลางท้องฝั่งซ้ายคือกระเพาะ ถ้าเห็นเป็นก้อนสีขาวกลางแสดงว่าแม่เขาเลี้ยงและให้นม
แม่ดูเครียด
สาเหตุหลักของการเครียดคือคนมารบกวนมากเกินไป ให้นำกรงไปวางในที่สงบ ลดการส่อง นำผ้าบางคลุมครึ่งกรงฝั่งที่ทำรังเพื่อให้แม่รู้สึกปลอดภัย
ถ้าแม่ดูทำท่าอยากออกมาจากกรง เช่นปีน กัดกรง สามารถอุ้มแม่หนูออกมาเดินเล่นได้ไม่เกิน 15 นาทีเพื่อคลายเครียด
มดขึ้นกรง
ถ้ามีมดแค่ไม่กี่ตัว อาจจะรอให้มดเดินออกไปเอง แต่ถ้าขึ้นเยอะมากจนอาจจะเป็นอันตราย ให้นำช้อนสะอาดมาตักลูกพร้อมรองกรงเดิมบางส่วนมาใส่ในกรงใหม่ และใช้วิธีการป้องกันมดต่างๆ เช่นแผ่นกันมด หล่อน้ำ ฯลฯ วิธีนี้จะเสี่ยงว่าแม่อาจจะไม่เลี้ยงต่อ แต่อาจจะจำเป็นต้องทำถ้ามดมากัดลูก
แม่ตาย/หาย
ในกรณีที่แม่หาย อย่างแรกคือพยายามตามหาแม่ให้เจอ แม่มักจะไปซ่อนตามมุมต่างๆของห้อง และจะออกมาตอนกลางคืน ถ้าลูกหนูเด็กมากๆอาจจะเปิดกรงทิ้งไว้เพื่อให้แม่กลับมาหาลูกเองได้
แต่ถ้าแม่ตาย หรือหาไม่เจอจริงๆ ให้ป้อนนมแมวKMRหรือนมแพะ ผสมความเข้มข้นตามด้านหลังซอง เอาถ้วยนมแช่น้ำอุ่นให้พออุ่น(เทสที่หลังมือว่าไม่ร้อนไป) ป้อนด้วยพู่กันสะอาดจนกว่าจะเห็นนมในท้อง ระวังอย่าให้สำลัก แล้วใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดก้นกระตุ้นการขับถ่าย ทำแบบนี้ทุก2ชั่วโมงทั้งกลางวันและกลางคืน ป้อนจนกว่าลูกหนูจะอายุครบ21วัน พอลูกหนูอายุประมาณ10-14วันจะเริ่มทานอาหารเองได้บ้าง ให้ใส่ถ้วยเตี้ยๆหรือโปรยไว้ในกรงให้ด้วย