REPTALES
เรื่องราวสัตว์จาก ReptTown
"ลิงเวอร์เว็ต" ช่วยตัวเองได้ !  เรื่องน่ารู้สุดพิสดารของเซ็กส์สัตว์โลก !

"ลิงเวอร์เว็ต" ช่วยตัวเองได้ ! เรื่องน่ารู้สุดพิสดารของเซ็กส์สัตว์โลก !

คำเตือน (บทความนี้ไม่เหมาะกับสมาชิกที่อายุน้อยกว่า 20 ปี คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการหาบทความเรื่องของสัตว์ไปเล่าให้ลูกๆฟังก่อนนอนหรือเรียนแบบ Home school ควรให้คำแนะนำหากจะนำไปเล่านะครับ) สุขสันต์วันวาเลนไทน์ มนุษย์เราที่มีคู่ส่วนใหญ่ก็จะหาเวลาเป็นส่วนตัวไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเที่ยวด้วยกันแบบตามลำพังสองคน ไปซื้อกล่องจุ่มที่ห้างมาแกะลุ้นกับแฟนแบบโมเม้นต์หวานๆหรือหยุมหัวตามประสาคู่รักที่แกะได้เกลือซ้ำทุกกล่อง แต่บ้างก็มุ่งเรื่องอย่างว่าจัดหนักจัดเต็มกว่าวันไหนๆในปี ในโลกของสัตว์เอง พฤติกรรมที่ค่อนข้างจะอีโรติกหรือทะลึ่งตึงตังเกินไปนั้นมีอยู่มากครับ ทุกคนทราบหรือไม่ว่า โลกนี้มีลิงที่ระบายทางเพศกับกวางได้ มีกิ้งก่าที่ชอบผสมพันธุ์กับตัวเมียที่ตายแล้ว มีนกเพนกวินที่ไซด์ไลน์แลกหินกับเซ็กส์ ! และมีค้างคาวที่ดูดปู๋ให้กันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางสังคม ! เรารู้จักโลกของสัตว์แบบธรรมดาเกินไปจนอาจเบื่อกันแล้ว เรารู้จักโมเม้นต์โรแมนติกรักเดียวใจเดียวกันมากไป ถึงเวลาดำดิ่งไปโลกสุดอีโรติกกันบ้าง ! 1.การช่วยตัวเอง : Masturbation คือพฤติกรรมของสัตว์ตัวผู้และตัวเมียในการกระทำกับอวัยวะเพศของตัวเอง ซึ่งบนโลกนี้ไม่ได้มีแค่คนกับไพรเมต แต่สัตว์อีกหลายชนิดเลย จะทั้งวาฬ อิกัวน่าทะเล แรด แมว สุนัข กวาง ม้าลาย และอื่นๆอีกเพียบที่รู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวได้เช่นกัน จนต้องระบายกับตัวเองในไพรเมตนี่เด่นชัดมาก พวกลิงโลกเก่าอย่างลิงเวอร์เว็ต (Vervet monkey - 𝘊𝘩𝘭𝘰𝘳𝘰𝘤𝘦𝘣𝘶𝘴 𝘱𝘺𝘨𝘦𝘳𝘺𝘵𝘩𝘳𝘶𝘴) (ตัวในภาพ) และพวกลิงบาบูนตัวผู้มักชอบช่วยตัวเองเพื่อเช็คสุขภาพของตัวเองเป็นประจำ ทั้งการชิมและประเมินสุขภาพของตัวเองก่อนเข้าช่วงผสมพันธุ์ 2.เกย์ & เลสเบี้ยน : รักเพศเดียวกันในโลกของสัตว์นั้นถือเป็นปกติครับ ส่วนมากเป็นสัตว์สังคมที่อาศัยกันเป็นกลุ่ม มีพฤติกรรมทางสังคมด้านเพศเดียวกันแบบถึงตัวสุดๆก็มีบ้าง อย่างเช่นสิงโตตัวผู้ที่ชอบแสดงพฤติกรรมทับตัวผู้ตัวอื่นๆก็เพื่อกระชับมิตรการอยู่เป็นกลุ่มด้วยกัน การแสดงออกทางเพศเดียวกันนั้นมีด้วยกันหลายวิธี ทั้งการแสดงออกเรื่องการแนบชิดอิงแอบกันและกัน การแสดงพฤติกรรมเกี้ยวพาราสีต่อเพศเดียวกัน การแสดงท่าทางเหมือนขึ้นผสมพันธุ์ หรือแม้แต่การแสดงพฤติกรรมครองคู่เหมือนคู่รักจริงๆ 3.ท่วงท่าพิสดาร : ถ้าคิดว่ามนุษย์เรามีท่วงท่าแปลกแล้ว การผสมพันธุ์ของสัตว์ต่างๆบนโลกนี้ก็เพี้ยนและพิสดารกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นไส้เดือนที่แม้มีสองเพศในตัว แต่ก็ต้องมีสองตัวมาร่วมผสมแบบหัวท้าย 69 หรือจะเป็นตั๊กแตนตำข้าวที่ตัวผู้ยอมเสี่ยงตายเข้าหาตัวเมียจนหัวขาดแต่ช่วงล่างยังผสมอยู่แบบอัตโนมัติหรือจะเป็นเต่าบกที่ตัวผู้คร่อมร่างตัวเมีย แต่ตัวเมียก็ยังสนใจกับการกินพืชผักตรงหน้าแบบไม่สนใจอะไร หรือที่เพี้ยนสุดๆก็เพรียงทะเลที่สามารถยืดขนาดอวัยวะเพศตัวเองไปผสมกับตัวเมียที่อยู่ไกลออกไปเกือบฟุตนึงได้โดยไม่ต้องเขยิบไปหาใกล้ๆ ! ยังมีอีกเยอะครับกับเรื่องแบบนี้ แต่คิดว่าคงหยิบมาเล่าไม่หมดเพราะเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อนเลยเอาพอสังเขปพอครับ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับReferenceสัตว์โลกสัปดน โดย Salmon BookBagemihl, Bruce (1999). Biological Exuberance: Animal Homosexuality and Natural Diversity8 sex positions inspired by animals and insectshttps://www.metro.us/8-sex-positions-inspired-by-animals.../
ลิง
ลิงเวอร์เว็ต

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 22 ก.พ. 25

อ่าน 0 ครั้ง


ส้วมของกระแต ความสัมพันธ์ของกระแตภูเขากับหม้อข้าวหม้อแกงลิง

ส้วมของกระแต ความสัมพันธ์ของกระแตภูเขากับหม้อข้าวหม้อแกงลิง

ส้วมของกระแต ความสัมพันธ์ของกระแตภูเขากับหม้อข้าวหม้อแกงลิงทุกวัน มนุษย์เราตื่นเช้ามาก็เข้าขับถ่ายที่ส้วมส่วนตัว แต่ทว่าสัตว์โดยทั่วไปนั้น ส้วมส่วนตัวในป่าใหญ่นั้นไม่ได้มีบ่อย มีสัตว์อยู่ชนิดหนึ่งที่ใช้ส้วมส่วนตัวเพื่อให้ส้วมดำรงอยู่ต่อไป มันคือ กระแตภูเขา (Mountain tree shrew - 𝘛𝘶𝘱𝘢𝘪𝘢 𝘮𝘰𝘯𝘵𝘢𝘯𝘢) กระแตชนิดหนึ่งจากเกาะบอร์เนียว ที่ขับถ่ายลงส้วมส่วนตัวอย่างต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงนั่นเอง !- ในปี 2010 นักชีววิทยาพบพฤติกรรมสุดแปลกนี้ที่ภูเขาคินาบาลูในรัฐซาบาห์ เกาะบอร์เนียว เมื่อพวกเขาเฝ้าสังเกตกระแตภูเขาตัวหนึ่งไปกลับระหว่างจุดนอนหลับและต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงต้นเดิมๆทุกเช้า ซึ่งเจ้ากระแตมาที่ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นประจำนี้ก็เพื่อเลียกินสารหวานเหมือนน้ำตาลบริเวณฝาต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง (Pitcher lid) หลังกินมื้อเช้าสุดหวานฉ่ำแล้ว ก็อึลงในหม้อข้าวหม้อแกงลิงปิดท้ายแล้วจากไป- พวกเขาพบว่า กระแตภูเขามีพฤติกรรมนี้กับต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง 3 ชนิดในสกุล 𝘕𝘦𝘱𝘦𝘯𝘵𝘩𝘦𝘴 ซึ่งทั้งสามชนิดนั้นเป็นพืชกินแมลงและสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร และการที่พวกมันได้รับอึของกระแตภูเขา ก็ช่วยให้มันได้รับสารอาหารเต็มที่จากการกินของกระแตที่เป็นสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ นี่เป็นการช่วยเพิ่มปุ๋ยให้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงไปในตัว แล้วกระแตพวกนี้ก็จำต้นส้วมของตัวเองได้เสมอ !- ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงทั้งสามชนิดสามารถดำรงชีวิตรอดจากการเลือกส้วมขับถ่ายของกระแต ต้นไม้ได้รับสารอาหาร แถมยังแบ่งสารอาหารให้สัตว์บางชนิดได้ดด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกค้างคาวกินผลไม้ที่แวะกินน้ำหวานจากต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงและช่วยกระจายพันธุ์พืชให้ บ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ของสัตว์และพืชในระบบนิเวศ ส่งผลต่อชีวนิเวศแหล่งข้อมูลอ้างอิงMutualism between tree shrews and pitcher plants: perspectives and avenues for future researchhttps://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/20861680/คลิปเจ้ากระแตภูเขามาขับถ่ายที่ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงhttps://youtu.be/TwL7K_loRjM?si=K47xA8Jm4igwhViW

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 05 ก.พ. 25

อ่าน 6 ครั้ง


"ใครคือไพรเมตที่ฉลาดที่สุด ?" ระหว่างมนุษย์ ชิมแปนซี และลิงคาปูชิน

"ใครคือไพรเมตที่ฉลาดที่สุด ?" ระหว่างมนุษย์ ชิมแปนซี และลิงคาปูชิน

ไพรเมต (Primate) คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีทักษะและกระบวนการคิดที่เหนือล้ำกว่าสัตว์อื่นๆ ในโลกนี้นอกจากไพรเมตแล้วก็มีช้างและวาฬกับโลมาที่มีกระบวนการคิดซับซ้อนได้ ความฉลาดในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อม การสื่อสาร และการเข้าสังคมของสัตว์ เป็นตัวช่วยให้ไพรเมตสามารถมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน ว่าแต่ ใครละฉลาดที่สุดในบรรดาไพรเมต ? มนุษย์ ? ชิมแปนซี ? หรือเป็นลิงคาปูชิน ? • หากนับรวมไพรเมตทุกชนิด จะมีมนุษย์ ชิมแปนซี และโบโนโบ้ (ชิมแปนซีแคระ) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไพรเมตที่ฉลาดที่สุดในโลก ถ้าตัดมนุษย์ออกก็เหลือแค่สองตัว ส่วนคาปูชินนั้นจะฉลาดที่สุดในบรรดา Monkey หรือพวกลิงมีหางทั้งหมด แต่ยังฉลาดเทียบลิงชิมแปนซีกับลิงอุรังอุตังไม่ได้ในเรื่องทักษะบางอย่างที่คาปูชินทำไม่ได้ • นักวิจัยมองว่า สมองของพวกไพรเมตทุกสปีชีส์มีหน่วยความจำและการตอบสนองสิ่งเร้าแตกต่างกัน พูดง่ายๆคือ ถ้านักวิจัยเอารูปดารา JAV ให้ชิมแปนซี และคาปูชินดูก็จะไม่เก็ทเท่ามนุษย์ที่ล้ำลึกถึงขนาดหน้าอกหรือหัวนม เพราะสมองนั้นจดจำสิ่งที่คุ้นเคยจากการแปรผลในระดับยีนเกี่ยวกับการประมวลผลแต่ละสปีชีส์ไม่เท่ากัน ดังนั้นสิ่งที่ชิมแปนซีเห็นรูปดาราก็จะมองว่าก็แค่มนุษย์หญิงไม่เห็นน่าสนใจเท่าชิมแปนซีสาววัยแก่ที่มีรอยตีนกาและหุ่นอวบอิ่มชวนเซ็กซี่ ส่วนคาปูชินก็จะมองว่า "อื้อก็มนุษย์นี่"• มนุษย์ ชิมแปนซี และคาปูชิน เป็นไพรเมตที่มีสมองใหญ่เมื่อเทียบกับร่างกาย และมีระดับ EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ ของมนุษย์จะมีค่าเฉลี่ย 7.4-7.8 แต่ที่น่าสนใจก็คือ ค่าระดับความฉลาดทางอารมณ์ของลิงคาปูชินกลับมากกว่าชิมแปนซี โดยของคาปูชินเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 แต่ชิมแปนซีอยู่ประมาณ 2.0-2.49 ทว่าการสื่อความฉลาดทางอารมณ์ของลิงคาปูชินเป็นลักษณะการเข้าสังคมและการผูกมิตรกับสมาชิกในฝูง บางทีสนิทกับคนเลี้ยงด้วยเสมือนคนในครอบครัว• งั้นที่กล่าวมาข้างต้น ชิมแปนซีก็ฉลาดน้อยกว่าคาปูชินน่ะสิ ? ช้าก่อน ความฉลาดของสัตว์ไม่ได้ตัดสินจากระดับ EQ แต่สัตว์จะใช้ความฉลาดได้เปรียบแตกต่างกัน รูปแบบสังคมที่ซับซ้อน แม้ตัวเลขจากนักวิจัยจะเป็นผลสรุป แต่เทียบเรื่องพฤติกรรมแล้ว ชิมแปนซีสื่ออารมณ์เศร้าได้มากกว่าคาปูชินอีก โดยชิมแปนซีมีอารมณ์เศร้าการจากไปของสมาชิกในฝูงที่เป็นแม่ พี่น้อง หรือสหายสนิทอีกด้วย• ขณะที่คาปูชินนั้นด้วยความเป็นลิงมีหาง ทักษะการเรียนรู้ฉับไวเพื่อให้ได้สิ่งที่ปรารถนามากกว่าการคิดวางแผน ลิงคาปูชินสามารถรู้ภาษาคนหูหนวกได้ สามารถช่วยนำทางคนตาบอดเหมือนสุนัขนำทางได้ และยังเรียนรู้เรื่องการแลกเปลี่ยนสิ่งของและเซ็กส์ด้วยวัตถุเหมือนเงินตรา • ท้ายสุด ไม่ว่าใครจะฉลาดที่สุด สำคัญคือสถานการณ์และการเรียนรู้ ชิมแปนซีอาจเสียเปรียบคาปูชินในบางสถานการณ์ แต่ขณะเดียวกัน ชิมแปนซีก็อาจได้เปรียบคาปูชินในสถานการณ์ที่ตัวเองได้เปรียบกว่า ดังนั้น ความฉลาดเป็นเรื่องการเรียนรู้ การแก้ปัญหา วางแผน การมีรูปแบบสังคม และอารมณ์ต่างๆมากกว่า PIC CR. Myrtle Beach SafariReferencePrimates of the World: An Illustrated Guide หนังสือโดย ฌ็อง-ฌัก เพตเตอร์Thinking about Brain Size...https://web.archive.org/.../serendip.../bb/kinser/Int3.htmlHUMBOLDT’S WHITE-FRONTED CAPUCHIN by New England Primate Conservancyhttps://neprimateconservancy.org/humboldts-white-fronted.../Social Intelligence of White-faced Capuchins and Their Behaviors in Aiming for Allianceshttps://www.jaguarrescue.foundation/.../SocialIntelligenc...Genes Make Chimps Glad or Sadhttps://www.science.org/.../genes-make-chimps-glad-or-sad

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 02 ก.พ. 25

อ่าน 1 ครั้ง


"เกิดเป็นลิงบาบูน มีทั้งภาระและหน้าที่" 5 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับสังคมลิงบาบูน

"เกิดเป็นลิงบาบูน มีทั้งภาระและหน้าที่" 5 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับสังคมลิงบาบูน

เผื่อใครสงสัยว่าลิงตัวนี้เป็นอะไร เจ้าตัวนี้เป็นลิงบาบูนแช็กม่า (Chacma baboon - 𝘗𝘢𝘱𝘪𝘰 𝘶𝘳𝘴𝘪𝘯𝘶𝘴) ที่มีภาวะขนร่วงหมดตัวเป็นกระจุกๆ เผยให้เห็นมัดกล้ามทั้งลำตัวของลิงบาบูนชัดเจน ลิงบาบูนถือว่าเป็นลิงที่มีระดับทางสังคมสูงมาก บางพฤติกรรมเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่เบา เลยจะมาเล่าเรื่องน่าสนใจของสังคมลิงบาบูน 5 เรื่องแบบคร่าวๆกันครับ1.เป็นจ่าฝูงสบายแต่เครียดหน่อย : ลิงบาบูนตัวผู้ปกครองฝูงแบบฮาเร็มใหญ่ พวกจ่าฝูงนั้นอาจจะดูสบายที่เป็นตัวที่มีเพศเมียรายล้อมไปหมด แต่ก็มีระดับความเครียดเช่นกันกรณีที่ต้องคอยกันตัวผู้ระดับล่างมาเกี้ยวตัวเมียในฮาเร็ม ถ้าเทียบกันแล้ว ลิงบาบูนจ่าฝูงก็เครียดระดับนึง แต่น้อยกว่าพวกลูกฝูงที่ต้องคอยระแวงจ่าฝูงเวลาอารมณ์โกรธ2.ฝูงหลักร้อย : ลิงบาบูนส่วนใหญ่อาศัยเป็นฝูงจำนวน 20-25 ตัว แต่มากสุดสามารถมีได้ถึง 250 ตัว ! ซึ่งกำลังฝูงเยอะขนาดนี้เกี่ยวข้องทั้งสภาพแวดล้อมกับแหล่งอาหาร ยิ่งอาหารสมบูรณ์ก็ยิ่งมีลิงบาบูนชุกชุม และปลอดภัยจากนักล่าอย่างเสือดาวและสิงโตอีกด้วย3.ผู้หญิงสัมพันธ์เหนียวแน่น : ลิงบาบูนเพศเมียมีลักษณะสังคมครอบครัวรูปแบบ Matrilineality คือเพศเมียมีความชิดเชื้อเป็นญาติพี่น้อง เป็นแม่ลูกหรือผู้สูงวัยในเครือญาติกัน ไม่ว่าจะช่วยกันเลี้ยงลูก หาอาหาร มีปฏิสัมพันธ์ด้วยการหาเหาและเห็บกันและกัน นอกจากลิงบาบูนแล้ว สิงโตและไฮยีน่าลายจุดก็เป็นลักษณะสังคมแบบนี้4.รวมพลัง ! : เมื่อถูกนักล่าคุกคาม ลิงบาบูนจะมีวิธีป้องกันตัวอยู่สองลักษณะคือ ร้องข่มขู่เตือนภัย และ ปกป้องฝูงด้วยกำลัง เสียงของลิงบาบูนจะร้องออกมาเป็น "วาฮู !" ซึ่งไปเพี้ยนเป็นคำว่า "บาบูน" ที่มาของชื่อลิงบาบูนนั่นเอง การผนึกกำลังทั้งเสียงและท่าทางของลิงบาบูนสามารถข่มขู่นักล่าจนถอยหนีไปได้5.สงครามข้ามฝูง : ลิงบาบูนบางฝูงมักทำสงครามแย่งพื้นที่หากินกัน เกิดสงครามแย่งพื้นที่บ่อยครั้ง ตัวผู้จ่าฝูงที่ชนะมักยึดตัวเมียของอีกฝูงเข้าฮาเร็ม และระหว่างต่อสู้ บางครั้งพวกลิงตัวผู้ฝ่ายข้าศึกมักจับลูกลิงบาบูนของอีกฝ่ายเป็นตัวประกันเอาไว้ หากอีกฝ่ายไม่ยอมจำนนก็ฆ่าลูกลิงทิ้งPIC CR. Bobby Jo PhotographyReferenceEnergetic costs of social dominance in wild male baboonshttps://royalsocietypublishing.org/.../10.../rspb.2024.1790Bergman TJ, Beehner JC, Cheney DL, Seyfarth RM (2003). "Hierarchical classification by rank and kinship in baboons".Baboon Social Lifehttps://www.princeton.edu/~baboon/social_life.html

เขียนโดย BKwildlifemaster - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สัตว์เลื้อยคลานปี 2006

โพสต์เมื่อ 28 ม.ค. 25

อ่าน 2 ครั้ง

REPTALES v1.0.2 by ReptTown
All Right Reserved