REPTALES
เรื่องราวสัตว์จาก ReptTown
ทำไมต้องเลี้ยง "งูบอลไพธ่อน"?

ทำไมต้องเลี้ยง "งูบอลไพธ่อน"?

🐍 ทำไมใครๆ ถึงหลงรัก “งูบอลไพธ่อน”?เหตุผลที่คุณอาจรู้สึกว่า… เอ๊ะ น่าเลี้ยงแฮะ!ถ้าพูดถึงสัตว์เลี้ยงสุดคูลที่ไม่ต้องมอมมือ ไม่ต้องวิ่งไล่จับ และไม่ต้องพาไปเดินเล่นตอนฝนตก “งูบอลไพธ่อน” คือหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนบนโลก Exotic ยกให้เป็น อันดับ 1 ในใจ ❤️‍🔥วันนี้จะพาไปรู้จักเสน่ห์แบบเรียลๆ ว่า ทำไมถึงต้องเลี้ยงงูบอล?ขอบอกเลยว่า พอรู้แล้ว… อาจอยากมีสักตัว✨ 1. หน้าตาน่ารักกว่าที่คิดงูบอลไม่ได้น่ากลัว! เจ้านี่หน้ากลม ตาใส จมูกมนๆ เวลาเขาม้วนตัวเป็นก้อนบอลคือที่สุดของความคิวท์ เหมือนสัตว์เลี้ยงที่มีความ “ขี้อาย แต่สุภาพ” ดูไปนานๆ แล้วใจอ่อนเฉยเลย🎨 2. มีมอร์ฟให้สะสมเพียบความสนุกของงูบอลคือ มีลายและสีให้เลือกเกิน 500+ มอร์ฟแบบไม่รวมมอร์ฟที่รวมกันอีกตั้งแต่โทนอุ่นแบบ Banana, ลุคเข้มแบบ Cinnamon ไปจนถึงลุคแฟนตาซีแบบ Pied มันคือโลกของนักสะสมที่ไม่มีวันจบจริงๆ🧘‍♂️ 3. ไม่เสียงดัง ไม่วุ่นวายงูบอลคือสัตว์เลี้ยงที่ เงียบที่สุดในจักรวาลไม่เห่า ไม่ร้อง ไม่กระโดดใส่ ไม่กวนเพื่อนบ้าน ใช้พื้นที่น้อยมาก เหมาะกับคนที่ชอบความสงบ🕒 4. ไม่ต้องดูแลเยอะเลี้ยงง่ายกว่าที่คิดให้อาหารแค่ 7–14 วันครั้งทำความสะอาดตู้ตามรอบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะจบ! เหมาะมากสำหรับคนทำงานหรือเรียนหนัก ไม่มีเวลาเยอะ แต่ยังอยากมีสัตว์เลี้ยง💛 5. เชื่องมาก ไม่ดุนิสัยพื้นฐานของงูบอลคือ ขี้อายมากกว่าถ้ากลัวก็จะม้วนตัว ไม่ใช่พุ่งกัด ทำให้เป็นงูที่มือใหม่ทั่วโลกเริ่มต้นเลี้ยงกัน เพราะปลอดภัยและจับได้สบายๆ🌿 6. เป็นสัตว์เลี้ยงที่ดู “มีสไตล์”ต้องยอมรับว่าคนที่เลี้ยงงูบอล… ดูเท่ขึ้นประมาณ 50%วางตู้สวยๆ แต่งมุม minimal หน่อย ก็เหมือนเพิ่มคาแรกเตอร์ให้ห้องมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ทั้ง “เรียบง่าย แต่มีเสน่ห์”💬 สรุปงูบอลไพธ่อนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่เหมือนใครเงียบ สุภาพ ดูแลไม่ยาก และมีความสวยงามเฉพาะตัวถ้าคุณกำลังมองหาสัตว์เลี้ยงที่ทำให้ชีวิตมีความสุขแบบเรียบง่าย แต่เท่แบบมีระดับ…งูบอลอาจเป็นคำตอบที่ใช่ 🖤🐍
Ballpython

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 09 ธ.ค. 25


ประวัติของมอร์ฟ “AHI” Ball Python

ประวัติของมอร์ฟ “AHI” Ball Python

🐍 ประวัติของมอร์ฟ Ball Python “AHI”จุดกำเนิด &ที่มามอร์ฟ AHI เป็นการกลายพันธุ์แบบ Dominant (ยีนโดมินันต์) ซึ่งหมายถึงแค่มียีนตัวเดียวก็สามารถแสดงลักษณะ (visual) ได้แล้ว MorphMarketตาม Morphpedia มอร์ฟ AHI ถูก “ผลิตครั้งแรก” (first produced) โดย Yellow Belly Ball ในปี 2009 MorphMarketแม้จะถูกบันทึกว่าผลิตครั้งแรกในปี 2009 แต่ข้อมูล “ประวัติสายพันธุ์ (history)” ของ AHI ยังไม่ละเอียดมากในแหล่งหลัก — Morphpedia ระบุว่า “No history yet” ในส่วน History ของบทความมอร์ฟ AHI MorphMarketความหายาก: AHI ถือว่าเป็นมอร์ฟ “rarer / rarest” (หายากมาก) ในวงการ according to Morphpedia MorphMarket🎨 ลักษณะเด่นของ AHIหัว (Head): หัวของ AHI มักจะเป็นสีแทน (tan) อ่อน และมี “keyhole headstamp” (รอยคล้ายหลุมรูปกุญแจ) บริเวณมงกุฎด้านหลังหัว MorphMarketลำตัว (Body):ลวดลาย “alien heads” หรือวงแหวน (rings) มีลักษณะ “pixelated” หรือ “grainy” — ขอบลายไม่คมชัดเหมือนมอร์ฟปกติ บางส่วนดูเหมือนเม็ดเล็ก ๆ กระจาย MorphMarketโทนสีในลำตัวอาจแปรผันได้มาก — บางตัวลายกับพื้นแตกต่างชัดเจน บางตัวดูค่อนข้างนวล แต่จุด “alien heads” ยังคงเด่นในโครงสร้างลาย MorphMarketหาง (Tail): ตาม Morphpedia หางของ AHI จะมีลวดลายเหมือนกับลำตัว (pattern เดินต่อเนื่อง)สายพันธุ์ & Combos: ไม่มี “proven lines” (สายพันธุ์ที่ยืนยันชัด) ของ AHI ระบุใน Morphpedia ณ ปัจจุบันปัญหาพันธุกรรม: Morphpedia ระบุว่าไม่มี “Issues” (ปัญหทางสุขภาพทั่วไปเกี่ยวกับยีน) สำหรับ AHI MorphMarket🔍 ทำไม AHI ถึงน่าสนใจในวงการมอร์ฟด้วยความเป็น ยีนโดมินันต์ ทำให้การแสดงลักษณะของ AHI ค่อนข้างตรงไปตรงมา — ไม่ต้องมี “สองชุดยีน” เหมือนมอร์ฟรีเซสซีฟหลายตัว => ง่ายกว่าในแง่การเพาะลวดลายที่เป็น “grainy alien heads” ให้ลุคที่ไม่เหมือนมอร์ฟหลักอื่น — เป็นทางเลือกดีสำหรับนักเพาะที่ต้องการ “แตกต่าง”แต่ยังคงโครงสร้างลายบอลไพธอนพื้นฐานความ “rare / หายาก”ของ AHI ทำให้มันน่าดึงดูดสำหรับนักสะสมที่มองหามอร์ฟที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวและไม่แพร่หลายมาก✨ สรุป: AHI ในหนึ่งย่อหน้าAHI Ball Python คือมอร์ฟโดมินันต์ที่ปรากฏครั้งแรกโดย Yellow Belly Ball ในปี 2009 มีลาย “alien heads” แบบ grainy และหัวสีแทนพร้อม keyhole stamp มันเป็นมอร์ฟที่หายากและให้ดีไซน์แตกต่างจากมอร์ฟพื้นฐานทั่วไป เหมาะสำหรับนักเพาะและนักสะสมที่ต้องการลุคไม่ซ้ำใคร

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 17 พ.ย. 25

อ่าน 2 ครั้ง


“จากยีนธรรมดา สู่มอร์ฟที่นักสะสมเรียกว่า ‘กรดกัดลาย’ — Acid คือความคมชัดที่ไม่มีใครเทียบได้”

“จากยีนธรรมดา สู่มอร์ฟที่นักสะสมเรียกว่า ‘กรดกัดลาย’ — Acid คือความคมชัดที่ไม่มีใครเทียบได้”

🐍 “Acid Ball Python” – มอร์ฟเข้มจัด ลายซิปใต้ท้อง ที่เขย่าวงการตั้งแต่ปี 2014“เมื่อยีนใหม่ตัวหนึ่ง ปรากฏขึ้นพร้อมลายซิปใต้ท้องที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน…นั่นคือวันที่ ‘Acid’ ถือกำเนิด”🧬 จุดเริ่มต้นของ Acidมอร์ฟ Acid Ball Python ถูกค้นพบโดย Josh Jensen ในปี 2014เขาพบว่าลูกงูบางตัวในคอกมีลวดลายและสีที่ต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัด — ลายดำเข้มเป็นเส้นซิกแซกใต้ท้อง และจุดลายด้านข้างที่เชื่อมต่อกันคล้าย “ลายแตกกรด”เมื่อเพาะต่อเนื่อง เขาพบว่ามันเป็น ยีน Incomplete Dominant (Co-Dominant) — แปลว่าหากมีเพียงหนึ่งยีนก็แสดงลักษณะให้เห็นได้แล้วชื่อ “Acid” มาจากลายของมันที่ดูเหมือน ถูกกรดกัด — pattern แตกละเอียด สีดำเข้มตัดชัด และให้ฟีลเท่เข้มในทุกมุมมอง🎨 เอกลักษณ์ที่ทำให้ Acid ต่างจากใครลวดลาย (Pattern): ลาย “Alien Head” แตกย่อยและเชื่อมต่อกันเป็นแนวต่อเนื่องสีพื้น (Base Color): น้ำตาลเข้มถึงดำ มีคอนทราสต์สูง ดูเหมือนกรดกัดสีออกจากเกล็ดท้อง (Belly): มีลักษณะเด่นที่สุด — “Zipper Belly” หรือเส้นดำซิกแซกใต้ท้องหัว (Head Stamp): มักเข้มกว่าลำตัว และบางตัวมีจุดกลางคล้ายตราผลรวมคือภาพลักษณ์ของงูที่ทั้ง “ลึกลับ ดิบ และทันสมัย” ซึ่งกลายเป็นลายหายากที่นักสะสมชื่นชอบ🧩 ความสำคัญทางพันธุกรรมประเภท : Incomplete Dominant (Co-Dom)สาย : ถูกคาดว่าอยู่ในกลุ่มใกล้เคียงกับ Confusion และ Staticผสมกับมอร์ฟอื่นแล้วให้ผลที่ “แปลกลายอย่างชัดเจน” เช่นAcid Clown → ลายแตกละเอียดแบบหินอ่อนAcid Leopard → ลายเข้มและหนาแน่นAcid Pastel → ให้คอนทราสต์สูง สีเหลือง-ทองโดดออกมา💬 ทำไม Acid ถึงได้รับความนิยมหลังเปิดตัวได้ไม่นาน Acid กลายเป็นมอร์ฟที่ถูกพูดถึงมากในฟอรั่มต่างประเทศเพราะมันให้ผลลาย “ทันสมัย” และเข้ากับแทบทุกมอร์ฟที่มีอยู่แล้วในตลาดอีกทั้งยังไม่มีปัญหาทางสุขภาพเฉพาะแบบบางยีน จึงเหมาะกับทั้งนักเพาะและนักสะสม🕰️ Timeline สั้น ๆ2014 : Josh Jensen ค้นพบ Acid และเริ่มเพาะแพร่2015-2018 : Acid เริ่มเข้าสู่ตลาดอเมริกา ราคาพุ่งเพราะหายาก2019-ปัจจุบัน : เริ่มมีสายผสม Acid กับ Clown, Leopard, Pastel ออกมา และกลายเป็นหนึ่งในยีนพื้นฐานของนักเพาะยุคใหม่✨ สรุป “Acid Ball Python” ในหนึ่งย่อหน้ามอร์ฟยีนกึ่งโดมินันต์ที่ค้นพบโดย Josh Jensen เมื่อปี 2014 โดดเด่นด้วยลายแตกละเอียด สีเข้ม และซิปใต้ท้องสุดเท่ — Acid กลายเป็นหนึ่งในมอร์ฟที่เปลี่ยนแนวทางการเพาะบอลไพธอนยุคใหม่ให้หลุดจากความจำเจ และยังคงเป็นไอคอนของ “มอร์ฟลายกรด” ที่ไม่มีใครเหมือน 🐍⚡

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 07 พ.ย. 25

อ่าน 2 ครั้ง


“Adder Ball Python” – มอร์ฟลึกลับจากปี 2006 ที่หลายคนยังไม่รู้จัก

“Adder Ball Python” – มอร์ฟลึกลับจากปี 2006 ที่หลายคนยังไม่รู้จัก

🐍 “Adder Ball Python” – มอร์ฟลึกลับจากปี 2006 ที่หลายคนยังไม่รู้จักงูมอร์ฟหนึ่งในสายที่ “ถูกประเมินต่ำ” ที่สุดในวงการ…แต่ใครรู้จักแล้ว มักหลงเสน่ห์ลวดลายสุดเท่ของมันไม่รู้ตัว🧬 จุดเริ่มต้นของสาย “Adder”มอร์ฟ Adder ถูกค้นพบและพัฒนาโดย Colin Thomas ในปี 2006มันเป็นมอร์ฟ ยีนโดมินันต์ (Dominant) หมายถึง แค่ยีนเดียวก็สามารถแสดงลักษณะออกมาได้ชัดเจนในยุคแรก Adder ยังไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะหลายคนคิดว่ามันคล้ายมอร์ฟเข้มทั่วไปแต่เมื่อเวลาผ่านไป นักเพาะเริ่มสังเกตว่า “Adder” มีลายเฉพาะตัวที่ไม่มีมอร์ฟไหนเหมือน🎨 ลวดลายที่ไม่เหมือนใครสิ่งที่ทำให้ Adder โดดเด่นคือ “ลายแนว Alien Head” ที่ใหญ่และเรียงชิดกันตลอดแนวลำตัวพื้นผิวมีความ “สะอาด” (clean dorsal) ไม่รก ไม่เลอะหัวออกโทนเข้ม ลายแน่น และหางมีลายเชื่อมต่อกันแบบ “chain pattern” ดูดุดันแต่สมดุลบางตัวมีความเข้มจนถูกเรียกว่า Black Adderให้ฟีลเท่ ลึกลับ เหมือนงูจากตำนานในชื่อเดียวกัน🧩 ความสำคัญทางพันธุกรรมประเภท: Dominant Geneแสดงลักษณะได้แม้มีเพียง 1 ยีนผสมกับมอร์ฟอื่นได้หลากหลาย เพราะไม่ไปกวน pattern มากนักยังไม่มีข้อมูลว่าอยู่ใน complex หรือกลุ่มยีนใดโดยตรงนี่คือเหตุผลที่หลายคนเรียก Adder ว่า “ยีนที่ถูกประเมินต่ำ”เพราะมันยังมีพื้นที่ให้ทดลองสร้างคอมโบใหม่อีกมากในอนาคต🔍 ทำไมถึงเรียกว่า “มอร์ฟลึกลับ”Adder เป็นมอร์ฟที่มีผู้ถือสายแท้ค่อนข้างน้อยข้อมูลบางส่วนกระจายอยู่ในฟอรั่มเฉพาะ เช่น MorphMarket Communityและยังไม่มีการแพร่หลายเท่ามอร์ฟยอดฮิตอย่าง Clown หรือ Piedแต่สำหรับนักสะสมระดับลึก — มันคือ “hidden gem” หรืออัญมณีที่ซ่อนอยู่ในวงการ💡 สรุป “Adder” ในหนึ่งย่อหน้าเริ่มต้นจาก Colin Thomas ในปี 2006, Adder เป็นมอร์ฟยีนโดมินันต์ที่มีเอกลักษณ์เรื่องลาย alien head ใหญ่ พื้นลำตัวสะอาด และหัวโทนเข้ม แม้จะไม่ดังเท่าสายหลัก แต่ความหายากและโทนลายสุดเท่ของมันทำให้ Adder กลายเป็นมอร์ฟที่นักสะสมตัวจริงเริ่มหันกลับมามองอีกครั้ง 🐍✨

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 07 พ.ย. 25


“210 Hypo” มอร์ฟนี้มีที่มาอย่างไรทำไมชื่อเหมือนมอร์ฟ Hypo (มอร์ฟงูบอลไพธอน)

“210 Hypo” มอร์ฟนี้มีที่มาอย่างไรทำไมชื่อเหมือนมอร์ฟ Hypo (มอร์ฟงูบอลไพธอน)

🐍 ประวัติของงูบอลไพธอนมอร์ฟ “210 Hypo”มอร์ฟสายเลือดใหม่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในกลุ่ม Hypo🧬 จุดเริ่มต้นของชื่อ “210 Hypo”ชื่อ “210 Hypo” มาจากผู้พัฒนาและเพาะพันธุ์หลักคือ 210 Reptiles ซึ่งเริ่มโปรเจกต์นี้ราวปี 2016พวกเขาต้องการสร้าง “สาย Hypo ใหม่” ที่ไม่ซ้ำกับ Hypo เดิมอย่าง Orange Ghost หรือ Ghost ที่มีอยู่แล้วในวงการต้นสายตัวผู้ที่ชื่อว่า Hollywood (หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า 210 Hypo) ถูกระบุว่าเริ่มถูกนำเข้ามาในปี 2013 โดย Ron Tremper ก่อนจะเข้าสู่มือของทีม 210 Reptiles และถูกพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นสายที่เรารู้จักในปัจจุบัน⚗️ จุดประสงค์ของการพัฒนาเป้าหมายของทีมผู้เพาะคือการสร้างมอร์ฟที่มีโทนสีและลักษณะ “นุ่มนวลกว่า Hypo เดิม” แต่ยังคงความคมชัดของลวดลายไว้ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือมอร์ฟที่มีสีทองอ่อน ผสมโทนส้มจาง และมีขอบลายสีขาวสะอาด ดูละมุนและเรียบหรู🧩 ความแตกต่างจาก Hypo / Orange Ghost เดิมสิ่งที่ทำให้ “210 Hypo” เป็นที่ถกเถียงและน่าสนใจในวงการคือเมื่อผสมกับ Hypo หรือ Orange Ghost สายทั่วไป ลูกที่ได้ จะเป็นเพียงพาหะ (het) เท่านั้นไม่เกิดลูกที่แสดงลักษณะ Hypo ออกมาแบบ visualแปลว่า “210 Hypo” ไม่ใช่สายย่อยของ Hypo เดิมแต่เป็น ยีนรีเซสซีฟ (Recessive) ตัวใหม่โดยสมบูรณ์ ซึ่งไม่เข้ากันกับยีน Hypo ที่รู้จักอยู่ก่อนหน้า🎨 ลักษณะภายนอกที่โดดเด่นในสายนี้แม้จะมีชื่อว่า “Hypo” แต่ 210 Hypo มีโทนสีที่เฉพาะตัวมากโทนสีออกน้ำตาลทองจาง พร้อมเฉดส้มละมุนลวดลาย “Alien Head” ชัด ขอบขาวสะอาดท้องสีขาว (Clear Belly)หัวมี blushing หรือเฉดสีจางนวล ๆมีจุดเล็ก ๆ ทั่วลำตัว (freckling) ที่ทำให้ดูมีมิติลักษณะทั้งหมดนี้ทำให้ “210 Hypo” เป็นหนึ่งในมอร์ฟที่ดู “อบอุ่น นุ่มตา แต่ยังคงความคมชัด” ของบอลไพธอนได้ดีที่สุดตัวหนึ่ง📖 การยืนยันสายพันธุ์ข้อมูลจากชุมชนผู้เพาะในต่างประเทศ เช่น MorphMarket และ Community MorphMarket มีการยืนยันว่า210 Hypo ผ่านการทดสอบผสมหลายครั้งไม่แสดงลักษณะร่วมกับ Hypo หรือ Orange Ghost เดิมเป็นสาย Recessive แท้ (Visual เฉพาะเมื่อมี 2 ยีน)ปัจจุบันยังไม่มีการพบ complex หรือกลุ่มยีนที่เชื่อมโยงกับมอร์ฟอื่น🔍 สถานะในวงการปัจจุบันปัจจุบัน “210 Hypo” ถือเป็นมอร์ฟ หายาก (rare line) ที่มีเพียงไม่กี่ฟาร์มในอเมริกาและยุโรปที่ถือสายแท้นักสะสมและผู้เพาะจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจ เพราะเชื่อว่าสามารถนำไปผสมต่อกับมอร์ฟอื่นได้เพื่อสร้าง “Hypo รุ่นใหม่” ที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยความเป็นสายเลือดเฉพาะที่ยังไม่ถูกแทนที่โดย Hypo เดิม ทำให้ 210 Hypo ถูกมองว่าเป็น “สายใหม่ในตระกูล Hypo” ที่มีอนาคตในการเพาะพันธุ์สูงมาก🧠 สรุป “210 Hypo” ในหนึ่งย่อหน้า210 Hypo คือมอร์ฟรีเซสซีฟสายใหม่ที่พัฒนาโดย 210 Reptiles ตั้งแต่ปี 2016 มีต้นสายชื่อ Hollywood มีลักษณะโทนสีทองอ่อนและลายขาวคมชัด ไม่เข้ากันกับ Hypo หรือ Orange Ghost เดิม ถือเป็นหนึ่งใน Hypo รุ่นใหม่ที่หายาก และกำลังได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดต่างประเทศ

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 07 พ.ย. 25

อ่าน 1 ครั้ง


อยากเลี้ยงงูบอลไพธอนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? ไม่ต้องกังวล! มาเตรียมตัวให้พร้อมใน 5 นาที ด้วยคำแนะนำง่ายๆ ที่เข้าใจได้แบบไม่ซับซ้อน

อยากเลี้ยงงูบอลไพธอนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? ไม่ต้องกังวล! มาเตรียมตัวให้พร้อมใน 5 นาที ด้วยคำแนะนำง่ายๆ ที่เข้าใจได้แบบไม่ซับซ้อน

ข้อควรรู้ก่อนซื้องูบอลไพธอน [Ball Python]เคล็ดลับง่ายๆ ที่รู้แล้วเลี้ยงได้เลย พร้อมเริ่มแล้ว ไปกันเลย!1. ศึกษาให้ครบ รู้ลึก รู้จริงก่อนตัดสินใจซื้อน้องงู ควรรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา เช่นนิสัยอุปกรณ์ที่ต้องใช้อาหารเหตุผล: งูบอลไพธอนเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนถึง 20 ปี! นั่นหมายความว่าคุณจะต้องดูแลเขายาวนานเหมือนการมีแฟนเลยทีเดียว 🐍💖 ดังนั้น ต้องมั่นใจว่าเข้าใจและรับได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาก่อน2. ปรึกษาคนรอบข้าง (สำคัญมาก!)ย้ำ! ก่อนจะเลี้ยงงู ต้องถามความเห็นจากคนในบ้านหรือคนที่อยู่ด้วยกันก่อน เพราะบางคนอาจมีความกลัวหรือภาพจำที่ไม่ดีกับงู คุณต้องอธิบายให้น่าเชื่อถือและเข้าใจว่าน้องงูไม่ได้ดุร้าย3. ตั้งงบประมาณในใจราคาของงูบอลไพธอนเริ่มต้นที่ 500 บาทขึ้นไปเพศเมียมักจะมีราคาสูงกว่าเพศผู้ราคาขึ้นอยู่กับ Morph (ลวดลายและสีของงู)สามารถเช๊คราคางูบอลแต่ละ Morph ได้ที่ www.repttown.com/animals/snakes/ballpythonsตัวอย่างราคาตาม MorphNormal (สีแบบในธรรมชาติ): 500-1,500 บาทMorph ที่มีทั่วไปตามร้านขายสัตว์: 1,000+ บาทMorph หายาก: อาจแตะหลักแสน!เคล็ดลับ: เลือก Morph ที่ถูกใจและเหมาะกับงบประมาณ เพราะน้องงูจะอยู่กับเรานาน อย่าลืมว่าความผูกพันสำคัญกว่าราคานะ4. ซื้อที่ไหนดี?มี 2 ทางเลือก:ออนไลน์: เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์ แต่ต้องระวังปัญหา เช่น งูป่วย, โกงเพศ, หรือ Morph ไม่ตรงปกซื้อที่ร้าน: ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ เพราะคุณจะได้เห็นน้องตัวจริงและลองสัมผัสเพื่อดูว่าถูกใจไหมคำถามสำคัญตอนเลือกซื้อจากร้าน:นิสัยของงู: แต่ละตัวนิสัยไม่เหมือนกันอาหาร: กินหนูเป็นหรือหนูแช่แข็ง และ สายพันธุ์หนูที่ทางร้านหรือฟาร์มให้อยู่ตรวจเพศ: ชัวร์ว่าเป็นเพศที่ต้องการตรวจสุขภาพ: ตรวจน้ำลายในปากว่าสุขภาพดี5. เตรียมอุปกรณ์เลี้ยงให้ครบงบประมาณเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์เลี้ยงประมาณ 1,000 บาทรายการที่ควรมี:กล่องเลี้ยง: กล่องล็อคใส (ขนาด = 2 เท่าของความยาวงู) ราคา 2-500 บาทForcep: แหนบยาวใช้คีบอาหาร ราคา 100+ บาทถ้วยน้ำ: เลือกขนาดเล็ก 20 บาทอาหาร: หนูแช่แข็ง ราคา 10-60 บาท/ตัว ขึ้นอยู่กับขนาดรองพื้น: กระดาษทิชชู่แบบหนา/กาบมะพร้าวแห้ง/เปลือกไม้รองกรง/ซังข้าวโพดหรือวัสดุรองกรงอื่นๆ ราคา 10-50 บาท/รอบการเปลี่ยนหัวแร้งบัดกรี: สำหรับเจาะรูระบายอากาศในกล่องเลี้ยง(ในกรณีเลี้ยงในกล่องพลาสติกที่ไม่มีรู) ราคาประมาณ 100 บาทไดร์เป่าผม: ใช้อุ่นอาหารในกรณีใช้หนูแช่แข็ง (หากมีอยู่แล้ว ข้ามไปได้)6. ข้อควรจำการเลี้ยงงูต้องใช้เวลาและความอดทนการตัดสินใจของคนในครอบครัวสำคัญ อย่ามองข้ามเลือกงูที่เหมาะกับตัวคุณ ทั้งนิสัยและงบประมาณขอให้ทุกคนสนุกกับการเลี้ยงงูบอลไพธอนนะครับ! ผ่านข้อ 2 ไปได้ ก็เหมือนผ่านปราการสำคัญแล้ว 😆✨หากต้องการเลี้ยงงูบอลไพธอนสามารถเลือกชมได้ที่ Repttown.com ใช้งานง่าย มีงูให้เลือกเยอะไม่ต่ำกว่า 10,000+ รายการ มีฟาร์มชั้นนำไม่ต่ำกว่า 1,000 ฟาร์มทั่วไทยที่ได้รับการยืนยันตัวตน

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 25 ม.ค. 25

อ่าน 105 ครั้ง


เทคนิคและวิธีการเพาะพันธุ์งูบอลไพธอน / การฟักไข่

เทคนิคและวิธีการเพาะพันธุ์งูบอลไพธอน / การฟักไข่

วิธีการเพาะพันธุ์งูบอลไพธอน***หมายเหตุ***บทความนี้เขียนขึ้นเพื่ออธิบายวิธีการเพาะพันธุ์งูบอลไพธอนที่เราใช้ แต่ควรทราบว่ามีหลายวิธีที่ถูกต้องสำหรับการเพาะพันธุ์งูชนิดนี้ หากคุณถามผู้เพาะพันธุ์งูที่ประสบความสำเร็จ 20 คน คุณอาจได้คำตอบที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย 20 แบบ สิ่งที่เราแนะนำคือให้คุณศึกษาหาข้อมูลจากหลากหลายแหล่งและค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับคุณที่สุด บทความนี้จะแบ่งปันวิธีที่ได้ผลสำหรับเรา และหากคุณทำสิ่งที่แตกต่างไปบ้างก็ไม่ได้หมายความว่าคุณทำผิดการเตรียมความพร้อมของงูสำหรับการผสมพันธุ์ไม่มีเกณฑ์ตายตัวสำหรับขนาดหรืออายุของงูที่เหมาะสมสำหรับการผสมพันธุ์ โดยทั่วไป เราใช้การประเมินร่วมกันทั้งอายุและน้ำหนักเป็นเกณฑ์ สำหรับตัวเมีย ส่วนใหญ่จะพร้อมผสมพันธุ์ในช่วงฤดูหนาวที่3ของชีวิต หากน้ำหนักตัวมากกว่า 1,500 กรัม งูบางตัวอาจมีน้ำหนักถึง 1,500 กรัมในฤดูหนาวที่2 แต่ในกรณีนี้ เราให้ความสำคัญกับเรื่องอายุมากกว่า หากงูตัวเมียอายุเพียง 2 ปี เราต้องการให้น้ำหนักเกิน 1,800 กรัมก่อนเริ่มการจับคู่อย่างไรก็ตาม งูตัวเมียอายุ 4 ปีขึ้นไปที่มีน้ำหนัก 1,500 กรัมหลังการวางไข่ก็ยังอาจถือว่าเล็กเกินไปสำหรับการผสมพันธุ์ เพราะอาจต้องการน้ำหนักเกิน 2,000 กรัมเพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงพอสำหรับการวางไข่ในครอกที่สมบูรณ์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการพิจารณาแค่น้ำหนักอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอทั้งตัวผู้และตัวเมียควรมีโครงสร้างร่างกายที่สมบูรณ์ ไม่ใช่แค่อ้วนจากการให้อาหารมากเกินไป งูที่สมบูรณ์ควรดูหนาแน่นและมีความแข็งแรงเมื่อสัมผัส ไม่ใช่อ้วนท้วมจากการเลี้ยงแบบเร่งการเจริญเติบโตการพิจารณาสำหรับตัวผู้ตัวผู้สามารถพร้อมผสมพันธุ์ได้ในฤดูกาลแรก แต่เราต้องการให้ตัวผู้มีน้ำหนักอย่างน้อย 600 กรัมและยังคงกินอาหารก่อนเริ่มผสมพันธุ์ในฤดูหนาวแรก ตัวผู้บางตัวอาจหยุดกินอาหารหรือกินน้อยลงในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรให้มีน้ำหนักที่เพียงพอก่อนเริ่มการจับคู่ตัวผู้ที่เล็กเกินไปอาจไม่มีน้ำหนักพอสำหรับการหยุดกินอาหารในฤดูผสมพันธุ์ และตัวผู้ที่อ้วนเกินไปจากการให้อาหารมากเกินไปก็อาจขี้เกียจและไม่สนใจการผสมพันธุ์การเริ่มต้นจับคู่เมื่อคุณมีตัวผู้และตัวเมียที่มีน้ำหนักและอายุเหมาะสมสำหรับการผสมพันธุ์แล้ว คุณสามารถเริ่มจับคู่ได้ฤดูผสมพันธุ์ของงูบอลไพธอนสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี แต่ส่วนใหญ่ตัวเมียจะวางไข่ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนเราเริ่มจับคู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และพยายามให้ตัวเมียทุกตัวได้จับคู่ครั้งแรกภายในเดือนมกราคม โดยปกติ ตัวผู้จะถูกจับคู่กับตัวเมีย 4-6 ตัวต่อฤดูสัญญาณของการตั้งท้องและการวางไข่หลังจากได้รับการจับคู่ ตัวเมียอาจแสดงพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น หลีกเลี่ยงจุดความร้อนหรือขดตัวใกล้ถ้วยน้ำ คุณอาจสังเกตเห็นร่างกายของตัวเมียมีลักษณะเป็นก้อน หรือ สีสว่างขึ้นเมื่อเข้าใกล้ช่วงวางไข่การตกไข่ (ovulation) คือช่วงที่ไข่ได้รับการผสมกับสเปิร์ม โดยปกติจะเกิดขึ้นเมื่อไข่มีขนาดประมาณ 40 มม. หลังการตกไข่ ตัวเมียจะลอกคราบครั้งสุดท้าย (pre-lay shed) ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังตกไข่ และวางไข่ประมาณ 30 วันหลังจากการลอกคราบการฟักไข่เมื่อถึงเวลาวางไข่ ตัวเมียจะขดตัวรอบไข่เพื่อปกป้อง เราค่อยๆ แยกตัวเมียออกจากไข่อย่างระมัดระวังและจัดไข่ลงในกล่องฟักไข่เราใช้กล่องขนาด 12 ควอร์ตส์ โดยจะใช้เวอร์มิคูไลท์ เพอร์ไลต์ หรือ แฮชไรท์ก็ได้ปริมาณ 300 กรัมกับน้ำ 150 กรัม ผสมให้ทั่วแล้วจัดเรียงไข่โดยทำเครื่องหมายจุดด้านบนของไข่แต่ละฟองเพื่อรักษาตำแหน่งเดิมสรุปการเพาะพันธุ์งูบอลไพธอนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความระมัดระวังและการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด การคำนึงถึงสุขภาพและความพร้อมของงูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเพาะพันธุ์อย่างยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับการระบุหรือตีมอร์ฟลูกงูในช่วงเริ่มต้น อาจจะต้องใช้ประสบการณ์ของบรีดเดอร์ที่ชำนาญ หรือใช้ บริการตรวจมอร์ฟโดยใช้คราบงู กับ แลป ProHerper Thailand ติดต่อได้ที่ https://www.facebook.com/repttownหากต้องการขายลูกงูสามารถลงขายได้ที่ Repttown.com ใช้งานง่าย ลงขายฟรี มีผู้ใช้งานไม่ต่ำกว่า 35,000 Users/เดือน มีฟาร์มชั้นนำไม่ต่ำกว่า 1,000 ฟาร์มทั่วไทย

เขียนโดย Repttown

โพสต์เมื่อ 14 ม.ค. 25

อ่าน 328 ครั้ง


SOUL BKK Reptiles มาได้อย่างไร

SOUL BKK Reptiles มาได้อย่างไร

อะ เริ่มเลย SOUL BKK Reptiles มายังไงง SOUL เกิดจากการรวมตัวของเหล่า Breeders ฟาร์มงูบอลไพธ่อนเมืองสยามไทยแลนด์ 3 ฟาร์ม (มีเรา LRP Ball Pythons, พี่เป้ Overdose, และอะตอม/หยก SNOWBALL) และ Breeders ชั้นนำจากทั่วโลกที่เป็นเพื่อนพาร์ทเนอร์กับพวกเราจุดเริ่มต้นของการรวมตัวของพวกเรานะหรอ เกิดจากที่เราและพี่เป้ Overdose ไปกินเบียร์ด้วยกัน 🍻! เอ้ยยย ทานข้าว*กับ Park และ Big Park จาก Fabulous 🍻 และเค้าก็อยากผลักดันให้พวกเราเติบโตแบบ Professional เค้าก็แบบแนะนำว่ายูววทำเว็บไซด์สิ ยูวต้องมีนะ พวกเราก็เห็นด้วยเพราะว่าจริงๆก็มีแพลนทำอยู่แล้ว ก็เลยอะ มีคนจุดไฟ ผลักดันพวกเราขนาดนี้ก็ต้องลุยเลยยยยสิๆๆ go go 🔥ก็เลยเป็นที่มาว่า เรามาทำ Community รวมกลุ่มกันดีกว่า และทำโปรเจคต่างๆรวมกัน โดย Website เนี้ยแหละเป็น ตัวแรกที่ปูทางให้กับพวกเราคลิ๊กเลย https://soulbkkreptiles.com/ต้องให้เครดิตและขอบคุณ FABULOUS มากๆสำหรับคำแนะนำที่ดี จริงใจและมิตรภาพที่ดีกับพวกเราเสมอ ทำให้เราได้ก้าวมาอีก 1 สเตป หืออออ ซึ้งแปปMeeting Update FABULOUS/OVERDOSE/LRP BALLPYTHONSพอพูดถึง Community ใช่ไหม ก็ต้องมีชื่อกลุ่ม ซึ่งเรายังอยากให้ทุกคนยังมี Branding ฟาร์มตัวเองคงไว้อยู่ เพราะทุกคนมี Brand ที่เป็นที่รู้จักในวงการงูบอลไพธ่อนอยู่แล้ว ฉะนั้นชื่อ Community เลยอยากได้คำนำหน้าของแต่ละฟาร์มมาประกอบกัน บวกกับฟาร์มพวกเรามีพาร์ทเนอร์ที่แตกต่างกันไป แต่ยังอยากให้สื่อรวมความเป็นหนึ่งเดียวได้ ก็เลยเป็นที่ของคำว่า “SOUL” นอกจากตัวนำหน้าที่สื่อถึงทุกคนใน Community แล้ว ความหมายก็ยังดีอีกด้วยS → Snowball ReptilesO → OverdoseU → US สื่อถึงพวกเราและพาร์ทเนอร์ทั่วโลกL → LRP Ball PythonsSOUL คำเดียวไม่พอ เราเติมสถานที่และสิ่งที่เราชอบเข้าไป เลยเป็นคำว่า “SOUL BKK Reptiles” นั่นเองงงง—แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม https://soulbkkreptiles.com/ติดตามข่าวสาร LRP Ball Pythons ได้ที่ https://linktr.ee/lrpballpythons

เขียนโดย LRP Ballpythons

โพสต์เมื่อ 14 ม.ค. 25

อ่าน 10 ครั้ง


วิธีแก้ไขเมื่องู Ball Python ไม่ยอมกินอาหาร /คู่มือฉบับสมบูรณ์  By LRP Ballpythons

วิธีแก้ไขเมื่องู Ball Python ไม่ยอมกินอาหาร /คู่มือฉบับสมบูรณ์ By LRP Ballpythons

การที่งู Ball Python ไม่ยอมกินอาหารเป็นปัญหาที่ผู้เลี้ยงหลายคนต้องเผชิญ แม้ว่างูชนิดนี้จะมีชื่อเสียงในเรื่องการกินง่าย แต่ก็มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้พวกมันปฏิเสธอาหาร บทความนี้จะแนะนำวิธีวิเคราะห์สาเหตุและแนวทางแก้ไขอย่างละเอียดแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมหรือซื้องูที่น่าไว้วางใจได้ที่ https://www.repttown.com/stores/s/631c5cf562e4de9e2ebdca23 หรือ https://soulbkkreptiles.com/ หรือเข้าเยี่ยมชมฟาร์มงูบอลไพธอน LRP Ball Pythons ได้ที่ https://www.facebook.com/lrpballpythonsสาเหตุที่ Ball Python ไม่ยอมกินอาหาร1. การเปลี่ยนแปลงฤดูกาลและช่วงผสมพันธุ์Ball Python มักลดการกินอาหารในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงผสมพันธุ์ โดยเฉพาะตัวผู้อาจอดอาหารได้นานถึง 4–6 เดือน ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมปกติตามธรรมชาติ2. ความเครียดจากสภาพแวดล้อมปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดมีหลายอย่าง เช่น:- อุณหภูมิหรือความชื้นไม่เหมาะสม- ที่อยู่อาศัยมีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป- ขาดที่หลบซ่อนหรือพื้นที่ปกปิด- การรบกวนบ่อยเกินไป- การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมกะทันหัน3. ปัญหาสุขภาพอาการไม่กินอาหารอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น:- การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ- ปรสิตภายใน- การติดเชื้อปากและเหงือก- ความเจ็บป่วยอื่นๆ4. ปัญหาเกี่ยวกับอาหาร- เหยื่อมีขนาดไม่เหมาะสม- อุณหภูมิของเหยื่อไม่พอดี- คุณภาพของเหยื่อไม่ดี- การเปลี่ยนชนิดของเหยื่อกะทันหันวิธีแก้ไขเมื่อ Ball Python ไม่ยอมกินอาหาร1. ตรวจสอบสภาพแวดล้อมตรวจสอบและปรับแต่งปัจจัยต่างๆ ให้เหมาะสม:- อุณหภูมิด้านอุ่น: 88–92°F (31–33°C)- อุณหภูมิด้านเย็น: 78–80°F (25–27°C)- ความชื้น: 50–60%- มีที่หลบซ่อนอย่างน้อย 2 จุด- พื้นที่อยู่อาศัยสะอาด ไม่แออัด2. ปรับเทคนิคการให้อาหาร-ให้อาหารในช่วงกลางคืนเมื่องูมีความกระตือรือร้น- อุ่นเหยื่อให้ได้อุณหภูมิ 98–100°F (37–38°C)- ลองเปลี่ยนสถานที่หรือกล่องที่อยู่ใหม่- เคลื่อนไหวเหยื่อเพื่อกระตุ้นสัญชาตญาณการล่า- ลองเปลี่ยนขนาดของเหยื่อให้เล็กลง3. เทคนิคพิเศษในการกระตุ้นการกิน- Brain Scenting: ทำให้หัวของเหยื่อมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย- ทำให้เหยื่อเปียกน้ำเล็กน้อย จะช่วยกระตุ้นการรับรู้ความร้อน- ย้ายงูไปที่กล่องให้อาหารแยกต่างหาก- ให้อาหารในที่มืดสมบูรณ์4. เมื่อไรควรพบสัตวแพทย์ควรพาไปพบสัตวแพทย์เมื่อ:- อดอาหารนานเกิน 3 เดือนในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูผสมพันธุ์- มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลด หายใจลำบาก- ไม่มีพลังงาน ซึม หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนการป้องกันปัญหาการไม่กินอาหาร1. จดบันทึกการให้อาหารอย่างสม่ำเสมอ2. ชั่งน้ำหนักงูทุกเดือนเพื่อติดตามการเจริญเติบโต3. รักษาสภาพแวดล้อมให้คงที่และเหมาะสม4. หลีกเลี่ยงการรบกวนโดยไม่จำเป็น5. สังเกตพฤติกรรมผิดปกติตั้งแต่เริ่มแรกสรุปการที่ Ball Python ไม่ยอมกินอาหารอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ สิ่งสำคัญคือต้องวิเคราะห์สาเหตุอย่างรอบคอบและแก้ไขอย่างเป็นระบบ หากทำตามขั้นตอนที่แนะนำแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจรุนแรงขึ้น—แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม https://soulbkkreptiles.com/ติดตามข่าวสาร LRP Ball Pythons ได้ที่ https://www.facebook.com/lrpballpythons

เขียนโดย LRP Ballpythons

โพสต์เมื่อ 14 ม.ค. 25

อ่าน 192 ครั้ง

REPTALES v1.0.4 by ReptTown
All Right Reserved